วันพฤหัสบดีที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2555

มณีแดนสรวง ตอนที่ 17

มณีแดนสรวง ตอนที่ 17
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์8 สิงหาคม 2555 07:36 น.
1 | 2 | 3 | 4
หน้าถัดไป
       มณีแดนสรวง ตอนที่ 17
    
      
 สามสาวสวมแว่นดำเอาผ้าคลุมหน้าอำพรางกันสุดฤทธิ์ แอบย่องอย่างเงียบกริ๊บเข้ามาที่บนบ้านพัก สิริสุดานำทีมส่งสัญญาณมือชี้โบ้ชี้เบ๊ให้มัดหมี่กับเอิงเอยดูต้นทางเพราะเธอจะใช้กุญแจไขเข้าไปในห้อง มัดหมี่หันไปถามเอิงเอย
   
       “คุณสิส่งสัญญาณมาว่าอะไร”
       เอิงเอยส่ายหน้า
       “ไม่รู้ ฉันดูไม่ออก”
       “นี่เธอเป็นเพื่อนกันภาษาอะไร”
       เอิงเอยชักฉุน
       “นี่หล่อน ฉันกับยัยสิไม่ได้เป็นใบ้นะจะได้ส่งภาษามือคุยกันเป็นเรื่องปกติน่ะ”
       สิริสุดาเข้ามา
       “นี่ ! พวกเธอจะคุยกันเสียงดังทำไม อยากให้นังชิโลมันรู้ตัวเหรอว่าเราบุกมา เล่นงานมัน”
       มัดหมี่เถียง
       “ก็ฉันไม่รู้ว่าเธอส่งภาษามือบอกให้เราทำอะไร”
       สิริสุดาเหนื่อยใจ
       “โธ่เอ้ย...ไม่เคยดูหนังกันเหรอไง เวลาเขาทำมือกันแบบนี้ หมายถึงว่าฉันจะบุกเข้า ไปก่อน ส่วนพวกเธอคนนึงดูต้นทาง อีกคนตามฉันมา”
       สิริสุดาพูดไปทำมือประกอบท่าทาง แต่…ภาษามือออกทะเลมั่วมาก เอิงเอยส่ายหน้าเอือมๆ
       “พอเถอะแก ไม่ต้องทำภาษามือบอกพวกฉันแล้ว แกพูดธรรมดาแบบนี้ฉันเข้าใจกว่า”
       “ก็ได้ย่ะ มัดหมี่เธอไปกับฉัน ยัยเอิงดูต้นทาง”
       “โอเค”
       เอิงเอยทำนิ้วโอเคแล้วรีบเดินไป มัดหมี่กับสิริสุดาพยักหน้าให้กันแล้วตามกันไป คล้อยหลังไม่นานอุ้มสมโผล่ หน้าออกมาจากหลังเสาได้ยินที่สามสาวคุยกันแล้วชักสีหน้าโกรธทันที
       “เห็นหน้าสวยๆแบบนี้ไม่คิดเลยว่าจะร้ายกันได้ขาดนี้ ถ้าไม่สั่งสอนซะบ้างไม่ใช่เทพ อุ้มสมแล้ว...หึ”
       อุ้มสมพูดไปก็หยิบกระปุกพริกไทยขึ้นมาแล้วยิ้มร้าย
   
       เอิงเอยทำหน้าที่ดูต้นทางชะเง้อคอยมองดูอยู่ครู่ เสียงฮัดชิ้วดังขึ้นมาจากด้านหลัง เอิงเอยสะดุ้งโหยงหันขวับไปดูทันที
       “ใคร!” เอิงเอยมองไปรอบๆแต่ไม่เห็นเจ้าของเสียง “สงสัยจะหูฝาด”
       เอิงเอยหันกลับมาทำหน้าที่ดูต้นทางต่อ แต่ได้ยินเสียงเรียกดัง
       “หูแกไม่ฝาดหรอกนังจอแบน”
       “เฮ้ย...ใครมาด่าฉันอ่ะ”
       เอิงเอยหันไปไม่เห็นตัวแต่ยังได้ยินเสียงอยู่
       “รูปร่างก็อัปลักษ์หาความสวยไม่เจอ แถมยังใจสกปรกคิดแต่เรื่องชั่วๆเลวๆ เกิดชาติ หน้าแกไม่พ้นได้เป็นเปรตแน่”
       “เฮ้ย...ใครอ่ะ กล้ามาด่าฉันแบบนี้โผล่หน้ามาตัวๆกันเลยดีกว่า”
       เอิงเอยมองหาแล้วเห็นนกแก้วตัวหนึ่งเดินออกมาปากก็ยังจ้อด่าไม่หยุด
       “ได้เลยนังเตี้ย เจ็บตัวขึ้นมาอย่ามาร้องหาแม่ให้ได้ยินก็แล้วกัน ฮ่าๆๆๆๆ”
       เอิงเอยอึ้ง
       “นกแก้ว!...ไอ้นกแก้วบ้า ปากมากนักนะแก จับตัวได้จะเอาปิ้งให้หมากิน”
       เอิงเอยปรี่เข้าไปจะจับแต่นกแก้วอุ้มสมบินหนี ก่อนจะบินโฉบมาไล่จิกตี รุมทึ้งเอิงเอยจนร้องเสียงหลง
   
       สิริสุดากับมัดหมี่ย่องเงียบเข้ามาในห้องนอน สิริสุดาเตรียมใช้กุญแจที่ได้มาไขเข้าไปแต่หันมาเห็นมัดหมี่ ล้วงเอามีดสปริงออกมาจากกระเป๋าสะพายก็ตกใจ
       “มัดหมี่...นี่เธอเอามีดมาทำไม”
       “ก็เผื่อนังชิโลมันสู้จะได้ใช้มีดนี่จี้คอมันไง”
       “ทิ้งไป...เกิดพลาดขึ้นมาเลือดตกยางออกเดี๋ยวจะซวย”
       “ก็ได้...ไม่เอามีด งั้น...นี่แล้วกัน”
       มัดหมี่หยิบขวดน้ำกรดออกมาจากกระเป๋า
       “น้ำกรดอย่างแรง สาดเข้าหน้าทีเดียวรับรอง...เละ”
       “น้ำกรดก็ไม่เอา เดี๋ยวพลาดมาถูกฉัน”
       มัดหมี่เซ็ง
       “น้ำกรดไม่ชอบ งั้นก็...”
       มัดหมี่รื้อค้นกระเป๋าสะพายแล้วหยิบอาวุธออกมาสารพัดจนไม่น่าเชื่อว่าจะเก็บอยู่ในกระเป๋าใบเดียว
       “สายไฟไว้รัดคอ หรือจะค้อนไว้ทุบหัว ไอ้นี่ก็ดีนะที่ช็อตไฟฟ้า รับรองชักกระเด๋ว”
       “โอ้ย...ฉันจะบ้าตาย แค่มาสั่งสอนแล้วก็ทำลายสร้อยคอมัน ไม่ได้มาฆ่ามัน เอากระเป๋าโดเรม่อนของเธอทิ้งไปเลย”
       “เธอนี่ก็ แค่ตบมันเฉยๆจะไปจี๊ดถึงใจได้ยังไง”
       “ได้สิ”
       สิริสุดาสะบัดเชอะแล้วไขกุญแจเปิดประตูเข้าไป แต่ต้องชะงักเพราะในห้องไม่มีใครอยู่เลย
       “นังชิโล !...มันหายไปไหน....นังชิโล”
       มัดหมี่กับสิริสุดามองหน้ากันงงๆ ระหว่างนั้นเสียงร้องโอดโอยของเอิงเอยดังเข้ามา
       “ช่วยด้วย...ช่วยฉันด้วย”
       “ยัยเอิง...แกแหกปากร้องโวยวายอะไร ใครทำอะไรแก”
       “นกแก้ว...มีนกแก้วบ้าเลือดมันกำลังไล่ฆ่าฉันอยู่”
       มัดหมี่มองเอิงเอยเอือมๆ
       “นกแก้ว นี่....ฉันว่าหล่อนเลิกเพี้ยนซะทีเถอะ ฉันรำคาญ นกแก้วที่ไหนจะบ้าเลือด ไล่ฆ่าคน”
       ทันใดนั้นอุ้มสมที่แปลงร่างเป็นนกแก้วก็พูดขึ้น
       “ก็นกแก้วตัวนี้ไงนังพวกขี้อิจฉา”
       สามสาวหันขวับไปมองนกแก้วอุ้มสม...สามสาวร้องวี้ดว้ายช่วยด้วยๆ สิริสุดากับมัดหมี่กระโดดลงเรือแล้วรีบแจวเรือหนีพายออกจากท่าไป เอิงเอยตามมาทีหลังตะโกนลั่น
       “รอฉันด้วย...อย่าทิ้งฉันไว้กับไอ้นกแก้วบ้าเลือดสิ”
       เอิงเอยหันรีหันขวางกลัวหนีไม่ทันเลยกระโดดลงไปในคลองแล้วว่ายน้ำตามทันที...เอิงเอยรีบจ้วงไหว้น้ำตามเรือ เสียงฮัดชิ้วดังขึ้น อุ้มสมก้าวเข้ามายืนมองแล้วหัวเราะชอบใจ
       “จิตใจเต็มไปด้วยกิเลศแบบนี้ต้องสั่งสอนให้เข็ด” อุ้มสมนึกขึ้นได้ “ต้องรีบไปเตือนชิโลว่ามีคน รู้เรื่องแก้ววิเศษแล้ว”
       อุ้มสมจะเดินออกไปแต่ต้องชะงักเมื่อเจอสามนางอสูรมายืนดักทางเอาไว้ โมหะยิ้มเยาะ
       “คิดว่าจะคาบข่าวไปบอกเพื่อนเจ้าได้ง่ายๆเหรอ เจ้านกแก้วปากมาก อุ๋ย...ไม่ใช่สิ เทพอุ้มสมต่างหาก
       ทั้งสามนางอสูรขยับเข้าใกล้ อุ้มสมอึ้งตกใจ”
       “ซวย...ซวยแล้วเรา”
   
       ค่ำนั้น...ลานจัดงานลอยกระทงย้อนยุคมีทั้งซุ้มขายของกิน เล่นเกมส์ปาเป้า สาวน้อยตกน้ำและการละเล่นอื่นไ นอกจากนี้ยังมีร้านขายกระทงใบตองตกแต่งสวยงามหลายร้าน ประชาชนที่มาเที่ยวงานต่างใส่เสื้อผ้าย้อนยุคสมัย ร.5 ตามconceptงาน
       ด้านหลังเวทีประกวดนางนพมาศการประกวดยังไม่เริ่ม ตรีชฎารออยู่หน้าห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าครู่หนึ่งชิโลที่ถูกจับแต่งตัวด้วยชุดไทยสีครีมประดับประดาด้วยแก้วแหวนเงินทองอย่างสวยงามก็เดินออกมา ตรีชฎาถึงกับอึ้ง
       “โอ้แม่เจ้า...นี่...นี่ดิฉันไม่ได้ฝันไปใช่มั้ยเนี่ย”
       ตรีชฎาเดินวนรอบๆตัวอ้าปากค้างตาโตทึ่งสุดๆ
       “สวยมากค่ะ สวยเหมือนนางฟ้าลงมาจุติเลยจริงๆ”
       “ไม่ได้อยากจะคุยนะ แต่ฉันก็นางฟ้าจริงๆ”
       ชิโลยิ้มน่ารักๆแล้วจะเดินแต่หน้าทิ่มคะมำเพราะส้นสูงปรี๊ดที่ใส่อยู่ทำให้เดินไม่ถนัด...ว๊าย ชิโลกำลังจะล้มดีที่สการเข้ามาช่วยประครองเธอเอาไว้ ชิโลมองสการที่อยู่ในชุดนายทหารหนุ่มยุค ร.5 อย่างเท่หล่อสุดๆ สองคนสบตากันนิ่ง
       “ระวังหน่อยสิชิโล เธอต้องทำให้เป้าหมายหลงเสน่ห์เธอให้ได้ ไม่อย่างนั้นแผนทุกอย่าง ที่พวกเราเตรียมมาได้พังหมดแน่”
       ตรีชฎายิ้มชื่นชม
       “คุณชิโลสวยซะนางฟ้ายังอายแบบนี้ ดิฉันว่านอกจากจะทำให้เหยื่อติดเบ็ดแล้ว เผลอๆ จะได้ตำแหน่งนางนพมาศพ่วงด้วยน่ะสิคะ”
       “ไอ้เรื่องสวย” สการทำกระแอมพูดเบาๆ “ผมไม่เถียงว่าสวยจริงๆ แต่ที่เกือบหน้าแหกอย่าง เมื่อกี้ ผมว่าคุณต้องเคี่ยวเธอให้พร้อมขึ้นเวที”
       ชิโลงอน
       “ก็ฉันไม่เคยขึ้นเวทีประกวด ไม่เคยต้องไปเดินอวดให้ใครเห็นความสวยนี่”
       ตรีชฎายิ้มแย้ม
       “เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงค่ะ สมัยสาวๆดิฉันเดินสายประกวดนางงามมาหลายเวที”
       “ถ้าอย่างนั้นจากนี่ไปผมต้องฝากคุณด้วย ผมกับดรัณจะคอยเฝ้าอยู่ที่หน้าเวที แล้วก็...”
       สการมองไปรอบๆให้แน่ใจว่าไม่มีใครมองมา สการจึงยื่นปืนสั้นขนาดเล็กให้ชิโล
       “พกไว้ติดตัวเธอตลอดเวลา ถ้าเกิดอะไรขึ้น มันช่วยชีวิตเธอได้แน่”
       ชิโลมองปืนที่สการยื่นให้ สกาารมองเธออย่างเป็นห่วงแล้วย้ำจริงจัง
       “จำเรื่องเมื่อคืนของเราได้ใช่มั้ย”
       ชิโลสะดุ้งเฮือกอายหน้าแดงรีบเอามือปิดปากสการทันที
       “บอกแล้วไงว่าไม่ต้องพูดถึงอีก”
       สการพยักหน้ารับ ตรีชฎามองอย่างสงสัย ชิโลรีบรับปืนมา
       “คุณไปได้แล้วผู้กอง ที่เหลือฉันจัดการเองได้”
       สการมองชิโลเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินออกไป ตรีชฎารีบเข้ามาทันที
       “ท่าทางความลับของเมื่อคืนนี้ มันคงจะท็อบซีเคร็ตมากนะคะคุณชิโล”
       ยิ่งตรีชฎาแซวชิโลยิ่งรู้สึกอายมากรีบเดินหนีไปสะดุดส้นสูง เซจะล้มคว้าราวเสื้อผ้าจนแทบเทกระจาด
   
       บริเวณแถวๆหน้าเวทีประกวด ท่ามกลางผู้คนที่มาเที่ยวงาน ดรัณแต่งตัวเป็นนายทหารแบบเดียวกับ สการยืนมองสาวๆที่ถือกระทงพากันเดินไปลอยกระทงกัน แต่ละคนสวยๆจนดรัณอดยิ้มให้ไม่ได้ สการเห็นก็แซวๆ
       “เฮ้ยไอ้หลอ…มาทำงานไม่ได้มาเหล่หญิง”
       ดรัณหันขวับมากระชากคอเสื้อทันที
       “ไอ้เวร…นี่ถ้าแกไม่เลิกล้อฉันเรื่องฟันหักล่ะก็ ฉันจะเลาะฟันหน้าแกออก มาเดี๋ยวนี้แหละ”
       “สงสัยแกจะใกล้แก่แล้ว พูดนิดพูดหน่อยทำเป็นฉุน” สการแกะมือดรัณ “พอได้แล้ว ไอ้รุจน์ พาเป้าหมายมาแล้ว”
       ดรัณหันไปมองตามที่สการบอกเห็นรุจน์พาชี้คอาเหม็ดเข้ามาเที่ยวชมงาน โดยมีบอดี้การ์ดล้อมหน้าล้อมหลัง ทั้งหมดแต่งตัวกลมกลืนกับคนที่มาเที่ยวงาน
       “ทางนี้เลยครับท่านชี้ค ผมเตรียมที่นั่งวีไอพีไว้ให้ท่านดูนางฟ้าคนสวยแบบชิดติดหน้า เวทีไว้แล้ว รับรองท่านได้เห็นเต็มๆถึงขนหัวคิ้วเลย”
       รุจน์เดินนำชี้ค อาเหม็ดผ่านสการกับดรัณ รุจน์หันมาพยักหน้าเป็นสัญญาณให้รู้ พวกบอดี้การ์เหล่มองสการกับ ดรัณที่มาอยู่ในระยะใกล้ เลยเอามือผลักออกไปห่างๆ ดรัณคำราม
       “ไอ้แก่ตัณหากลับเอ้ย แค่คิดว่าคุณชิโลต้องไปอยู่กับมันสองต่อสอง บาจาฉันก็คันยิกๆ”
       สการปราม
       “เฮ้ย…ใจเย็นๆ ทุกอย่างต้องเป็นไปตามแผน ไม่เห็นเหรอว่าคนของมันตาอย่างกับเหยี่ยว เราต้องไว้ใจชิโล”
       แม้สการจะเตือน แต่ดรัณเมื่อมองไปที่ชี้คอาเหม็ดขี้หลีนั่นก็รู้สึกเป็นห่วงชิโลไม่ได้
   
       บริเวณท่าน้ำเป็นบรรยากาศชาวบ้านถือกระทงมาอธิษฐานต่อพระแม่คงคาแล้วลอยกระทงสวยงาม แต่กระทงที่ลอยอยู่กลับถูกเรือแจวของพวกสิริสุดาที่จ้วงพายเข้ามาชนกระทงชาวบ้านคล่ำล้มระเนระนาด พวกสิริสุดารีบเอาเรือมาจอดที่ท่าแล้วปีนขึ้นมาโดยไม่สนใจเสียงก่นด่าของพวกชาวบ้าน มัดหมี่ถามอย่างสงสัย
       “ที่นี่น่ะเหรอคุณสิ”
       “ใช่…คนใช้ของดรัณบอกว่า ดรัณกับสการพามันมาเที่ยวที่นี่”
       เอิงเอยยังหวาดๆ
       “แน่ใจนะว่าเชื่อสายของแกได้ เปิดทางให้เราเข้าไปเล่นงานนังชิโล แต่ดันโดนนกแก้ว บ้าเลือดไล่จิกจนต้องหนีกระเจิง”
       “ตอนเราไปนังชิโลมันอยู่ที่นั่น แต่เพราะแกมัวแต่เพ้อเจ้อ นังชิโลมันถึงออกมาที่นี่ไง”
       มัดหมี่ตัดบท
       “ไม่ต้องเถียงกันแล้วค่ะ ถ้ามันอยู่ที่นี่จริงๆก็ตามไปจัดการมันเถอะ มือฉันคันยิบๆอยาก จะจี๊ดใส่มันแล้ว”
       มัดหมี่รีบเดินนำเข้าไปในงาน พวกชาวบ้านยังชี้หน้าต่อว่าสามสามที่พายเรือมาล่มกระทงคนอื่น สิริสุดาหันมาเชิดหน้าใส่...เชอะไม่สนใจแล้วพากันยกขโยงตามมัดหมี่เข้าไปในงาน
   
       สิริสุดากับเอิงเอยเดินเบียดผู้คนมองหาชิโล เอิงเอยบ่นอุบ
       “คนเยอะแยะแบบนี้จะหานังชิโลมันเจอมั้ยอ่ะแก”
       “แทนที่แกจะบ่น รีบๆช่วยฉันหามันให้เจอดีกว่า”
       สิริสุดากับเอิงเอยกวาดสายตามองไปทั่วๆงาน เอิงเอยหันไปเห็นดรัณกำลังเดินอยู่ใกล้ๆ
       “ยัยสิ…แย่แล้วแก ผู้กองดรัณกำลังมาทางนี้”
       สิริสุดาหันไปเห็นดรัณก็ตกใจรีบหันขวับเข้าไปหลบที่ซุ้มยิงปืนอัดลม คว้าปืนมาทำทีเป็นกำลังเล่นอยู่
       “อย่าให้เขาเห็นฉันนะยัยเอิง ฉันไม่อยากให้เขารู้ว่าฉันตามเขามา”
       “แต่แกก็ตามมาหึงเขาจริงๆนี่”
       สิริสุดาฉุนหันปากกระบอกปืนลมมาชี้หน้าเอิงเอย
       “โอเคๆ ฉันล้อเล่นน่า มาโน่นแล้วหันหลังเร็ว”
       เอิงเอยกับสิริสุดารีบหันหลังให้ดรัณแล้วทำทีเป็นยกปืนขึ้นมาเล็ง ดรัณเดินผ่านมาสำรวจบริเวณงานก่อนจะมาหยุดที่สิริสุดาแต่ไม่ได้สังเกตเลยไม่เห็น สิริสุดาตัวเกร็งสุดฤทธิ์กลัวเขาเห็น ดรัณมองซ้ายๆขวาๆอยู่ครู่ก็เดินออกไป สิริสุดาค่อยโล่ง หันมาเป่าปาก พร้อมกับหันปืนลมมาด้วย
       “เกือบไปแล้ว”
       สิริสุดาไม่ทันระวังนิ้วที่แตะไกปืนอัดลมเผลอลั่นไก…เปรี้ยง จุกปืนอัดลมพุ่งไปโดนหัวดรัณ
       “โอ๊ย ! ใครแซวว่ะ”
       ดรัณหันมาเห็นสิริสุดายืนหน้าเสีย
       “แย่แล้วยัยเอิง...หนีเร็ว”
       สิริสุดารีบทิ้งปืนอัดลมแล้ววิ่งหน้าตั้ง
       “คุณสิ!”
   
       สิริสุดาวิ่งหนีอยู่ในงานลอยกระทงและพลัดหลงกับเอิงเอย แต่วิ่งหนีไม่ทันเพราะเจอดรัณดักทางไว้
       “หยุดเดี๋ยวนี้นะสิ...คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
       “เอ่อ…สิ…สิก็มาเที่ยวงานลอยกระทงน่ะสิ”
       สิริสุดาทำเชิดเนียนๆ ดรัณไม่เชื่อ
       “คุณเนี่ยนะมาเที่ยวงานลอยกระทงอัมพวา สิ…ถ้าที่นี่เป็นพารากอนผมจะไม่แปลกใจ เลยว่าคุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
       “สิไม่ใช่พวกหัวสูงไม่ติดดินนะ แนวอนุรักษ์บ้านๆแบบนี้สิก็ชอบ”
       “อ๋อเหรอ งั้นเดี๋ยวผมพาคุณไปเล่นสาวน้อยตกน้ำ จะได้รู้ว่าคุณชอบแนวอนุรักษ์จริงมั้ย”
       ดรัณเข้าไปคว้าข้อมือจะลากตัวไป สิริสุดารีบสะบัด
       “ปล่อยนะดรัณ อย่ามาแตะเนื้อต้องตัวสิ สิไม่ใช่นังชิโลที่จะให้ผู้ชายลากไปไหนมาไหน ได้ตามใจ”
       สิริสุดาสะบัดมือ ดรัณเลยรู้ความจริง
       “ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง คุณตามผมกับชิโลมาที่นี่”
       สิริสุดาฉุน
       “ใช่…สิตามคุณกับนังนั่นมา เพราะสิอยากให้คุณตาสว่างซะที ว่าที่ทั้งคุณทั้ง ผู้กองสการหลงนังนั่นหัวปักหัวปำ เพราะนังชิโลมันทำคุณไสยใส่เสน่ห์พวกคุณอยู่”
       ดรัณอึ้ง
       
       “ทำเสน่ห์”
       ที่ด้านหลังเวที...ตรีชฎากำลังสอนหลักสูตรเร่งรัดการประกวดให้ชิโลโดยการเดินให้ดูเป็นตัวอย่างหนึ่งรอบ ตรีชฎาเดินเสร็จแล้วโพส
       
       “โช๊ะเด๊ะ...เป็นไงคะคุณชิโล เห็นดิฉันเดินให้ดูแล้วถึงกับอึ้งไปเลย”
       “เอ่อ...ชิโลไม่ชอบโกหกค่ะ ขอพูดตรงๆแล้วกัน นี่ดีแล้วเหรอคะ”
       “คุณชิโลเนี่ย...ไม่ต้องพูดความจริงหมดทุกครั้งก็ได้ค่ะ สำหรับผู้หญิงการโกหกเป็นอาวุธ ลับอย่างนึงนะคะ พระเจ้าสร้างให้ผู้ชายเจ้าชู้ เลยสร้างให้ผู้หญิงตอแหลไว้คานกัน”
       “แต่มันเป็นบาปค่ะ แล้วก็เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีกับคนอื่นด้วย”
       ชิโลอบรมสั่งสอนตรีชฎาไปได้ครู่ แก้ววิเศษที่สวมคออยู่ก็เปล่งแสงเรืองรอง ตรีชฎาตะลึง
       “อุ๋ย...นี่พี่ตาฝาดไปรึเปล่าคะ พี่เห็นสร้อยที่คอของคุณชิโลมันส่องแสงได้ด้วย”
       ชิโลชะงักดูสร้อยแก้ววิเศษแล้วตกใจรีบเอามือกุมเอาไว้ทันที
       “เอ่อ...ชิโลขอตัวก่อนนะคะ”
       ชิโลรีบเดินออกไป ตรีชฎามองตามอย่างแปลกใจที่เห็นท่าทางชิโลดูไม่สบายใจ แต่ก็คิดว่าคงไม่มีอะไรเลย
หันมาซ้อมท่าเดินประกวดนางนพมาศต่อ โดยไม่รู้ตัวว่าหญิงสาวสามคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆคือนางอสูรทั้งสาม ราคะเสียดาย
       “จะเอายังไงดี แก้ววิเศษของนางคอยเตือนทุกครั้งเวลาที่พวกเราเข้าใกล้”
       “ถึงเวลาต้องใช้กายเนื้อของมนุษย์บดบังรัศมีอสูรของเราไม่ให้นางรู้ตัว”
       โมหะพูดไปก็แสยะยิ้มน่ากลัว
   
       ชิโลกำสร้อยแก้ววิเศษเดินมาหามุมปลอดคนแล้วพยายามเรียกหาอุ้มสม
       “อุ้มสม...เจ้าอยู่แถวนี้รึเปล่า...อุ้มสม แก้ววิเศษเตือนเราว่าพวกอสูรอยู่แถวนี้ เจ้าต้อง ระวังตัวนะอุ้มสม...อุ้มสม”
       ทุกอย่างเงียบไม่มีการตอบรับจากอุ้มสม ชิโลเริ่มรู้สึกใจคอไม่ดี สังหรณ์ใจแปลกๆว่าจะเกิดเรื่องร้ายขึ้น
   
       นกแก้วอุ้มสมถูกขังอยู่ในกรงของระเบียงบ้านสวนดรัณ ส่งเสียงร้องเรียกดังลั่น
       “ช่วยด้วย...ช่วยเราออกไปจากกรงที...ใครก็ได้ ช่วยด้วย”
   
       สิริสุดาน้อยใจจะเดินหนี ดรัณรีบเดินตาม
       “เดี๋ยวก่อนสิ...มาคุยกันให้รู้เรื่องก่อน”
       “สิไม่อยากจะคุยแล้ว พูดไปคุณก็หาว่าสิเพ้อเจ้อบ้าๆบอๆ เพราะตอนนี้พวกคุณหลงมัน หัวปักหัวปำ ถึงขนาดยอมแบ่งกันกินแบ่งกันใช้ น่าสะอิดสะเอียนที่สุด” สิริสุดาน้ำตารื้น “สิพอแล้ว สิไม่อยากยุ่งอีกแล้ว”
       “เดี๋ยวสิ...นี่คุณพูดอะไร คุณคิดว่าที่ผมกับไอ้แซมพาคุณชิโลมาที่นี่เพราะ...เพราะ ช่างเถอะมันทุเรศ แค่คิดผมยังไม่อยากคิดเลย”
       “ไม่ต้องมาทำเป็นพูดดีหรอก สิรู้ทุกอย่าง”
       “ผมยืนยันเลยนะสิ ว่ามันไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิดแน่นอน”
       “ถ้ามันไม่ใช่ แล้วพวกคุณพามันมาที่นี่ทำไม”
       “พวกผมมาทำงาน”
       “งาน...นังชิโลนั่นน่ะเหรอมาทำงานกับพวกคุณ เลิกโกหกสิได้แล้ว ถ้าคุณยังยืนยัน ว่าชอบวิตถารแบบนี้ สิก็จะไม่ขอยุ่งกับคุณอีก”
       สิริสุดาเจ็บปวดเสียใจปาดน้ำตาที่รื้นจนเอ่อแล้วเดินจากไป ดรัณยืนอึ้งที่เห็นน้ำตาเธอเลยตัดสินใจเข้าไปกอดจากข้างหลังกลางสาธารณชน
       “อย่าไปเลยสิ...คุณต้องเชื่อผม ผมพูดความจริงไม่ได้”
       สิริสุดาชะงัก
       “ทำไม...ถ้าคุณมีความจริงที่พูดออกมาแล้วจะช่วยทำให้เราสองคนเข้าใจกัน คุณก็พูดมา เราสองคนจะได้ไม่ต้องเจ็บปวดกันอีก”
       ดรัณค่อยๆจับสิริสุดาหันมามองสบตา น้ำตาของหญิงสาวไหลอาบแก้ว ดรัณช่วยปาดให้อย่างนุ่มนวล
       “ผมบอกคุณไม่ได้จริงๆ”
       สิริสุดาเจ็บปวด
       “ถ้างั้นก็ปล่อยสิไป”
       “ไม่...ความจริงอย่างเดียวที่ผมบอกคุณได้ก็คือ...” ดรัณจับมือสิริสุดามาแนบอก “คุณคือ คนเดียวที่อยู่ในใจของผม ชาตินี้และทุกชาติไปจะไม่มีใครมาแทนที่คุณได้อีก”
       “ดรัณ”
       “ปล่อยชิโลไปเถอะนะสิ เมื่อถึงเวลาคุณจะเข้าใจ”
       สิริสุดามองหน้าดรัณเหมือนจะพยายามเข้าใจเขาอยู่แล้ว แต่ทันใดนั้นลมกรรโชกเข้ามาอย่างแรงทำเอาข้าว ของในแผงร้านค้าที่อยู่ใกล้ๆปลิวว่อน แต่ก็เกิดแค่ครู่เดียวทุกอย่างก็สงบ ทำเอาทุกคนงง สิริสุดาตาเขม็งตัวแข็งทื่อแล้วจับหมับที่มือของดรัณ
       “เอามือสกปรกของแกออกไป”
       สิริสุดาจับมือดรัณบิดชนิดที่ดรัณสู้แรงไม่ได้แล้วผลักดรัณจนกระเด็น สิริสุดาตัวแข็งตากร้าวเดินออกไปเพราะ ถูกโทสะเข้าสิง ดรัณงงๆ
       “สิ…สิ!”
   
       บรรยากาศหลังเวทีประกวดเริ่มชุลมุนวุ่นวายเพราะการประกวดใกล้จะเริ่มแล้ว สิริสุดาเดินตัวแข็งตากร้าวเข้ามา ไม่นานนักมัดหมี่กับเอิงเอยที่ถูกอสูรสิงร่างก็เดินตัวแข็งๆมาสมทบ เอิงเอยที่ถูกราคะสิงร่างเข้ามาบอก
       “นี่นังโทสะ...มาเปลี่ยนร่างสิงกันมั้ย ฉันไม่ชอบร่างนังนี่เลย ไม่อึ๋ม ไม่ตู้ม ตูดก็ไม่มี ไม่รู้ มันหายใจอยู่ได้ยังไง”
       มัดหมี่ถูกโมหะสิงร่างโวยใส่
       “อย่าเรื่องมากน่านังราคะ รีบไปจัดการทำลายแก้ววิเศษของรัศมิชโลธรซะ”
       เอิงเอยค้อน
       “แล้วพวกหล่อนล่ะ จะกินแรงฉันคนเดียวเหรอ”
       “งานแบบนี้เหมาะกับหล่อนที่สุดแล้ว”
       สิริสุดาหันไปคว้าชุดไทยที่แขวนอยู่ตรงราวแขวนใกล้ๆขึ้นมาแล้วยัดใส่มือเอิงเอย
   
       บริเวณหน้าเวทีประกวด มีกองเชียร์ชาวบ้านและบรรดาหนุ่มๆมาถือป้ายไฟเชียร์นางงามเต็มไปหมด ชี้คอาเหม็ดนั่งอยู่แถวหน้าสุดเริ่มหงุดหงิดอารมณ์เสีย
       “เมื่อไหร่ฉันจะได้เห็นนางฟ้าที่แกพูดถึง”
       รุจน์รีบบอก
       “ใจเย็นๆครับท่าน ของดีมันก็ต้องรอกันหน่อย รับรองว่าออกมาเมื่อไหร่ ท่านต้องร้องว่า โอ้ว...พระเจ้ายอร์จมันจ้อดมากแน่นอนครับ”
       ชี้คอาเหม็ดหรี่ตามองรุจน์แล้วกระชากคอเสื้อมาขู่ใกล้ๆหน้า
       “แต่ถ้านางฟ้าของแกไม่ทำให้ฉันร้อง...โอ้วขึ้นมาล่ะก็ แกนั่นแหละที่จะต้องร้องว่า พระเจ้ายอร์จ กูตายแน่”
       ชี้คอาเหม็ดพูดไปก็ผลักรุจน์ไปทางบอร์ดี้การ์ด รุจน์เซไปชนและเห็นปืนที่เหน็บเอวพวกมัน รุจน์กลืนน้ำลายเอื๊อก
       “ครับท่าน....ผมเอาหัวเป็นประกันว่าท่านต้องร้องโอ้วแน่ และถ้าท่านปลื้มมากผมก็ อยากจะขออะไรท่านสักอย่าง”
       รุจน์จะเข้าไปชะเลีย แต่บอดี้การ์ดคว้าคอเสื้อไม่ให้เข้าไปใกล้นัก
       “คือ...ถ้าผมทำให้ท่านถูกใจ ก็อยากให้ท่านเลื่อนขั้นผมเป็นคนใช้ส่วนตัวแค่นั้นเองครับ”
       ชิ้คอาเหม็ดนิ้มๆ
       “ถ้าถูกใจจริง แกได้มากกว่านั้นแน่”
   
       สการตกใจเมื่อรู้เรื่องสิริสุดาจากดรัณ
       “แกว่าไงนะ คุณสิกับมัดหมี่ตามมาที่นี่เหรอ”
       “เออ...อารมณ์หึงคุณชิโลทั้งคู่เลย คงเข้าใจผิดว่าแกกับฉันพาคุณชิโลมา...มาทำอะไร ที่มันวิตถาร”
       สการตกใจ
       “ห๊า ! เวรเอ้ย...คิดได้ไงวะเนี่ย หน้าอย่างฉันหน้าอย่างแกเนี่ยนะ ชอบแบบวิตถาร”
       “ผู้หญิงก็อย่างนี้แหละวะ พออารมณ์หึงขึ้นหน้าก็ทำได้ทุกอย่าง บอกตรงๆ ฉันเห็นรัศมี อาฆาตแผ่ออกมาจากตัวคุณสิเลย”
       สการสงสัย
       “แล้วแกบอกเรื่องแผนการของเราให้คุณสิรู้รึเปล่า”
       “จะบอกได้ไง ขืนคุณสิรู้ว่าเรากำลังวางแผนเล่นพ่อเขาอยู่ ทุกอย่างได้พังไม่เป็นท่าสิวะ”
       “ฉันชักจะเป็นห่วงชิโลแล้ว ถ้าคุณสิทำให้แผนแตก ชิโลไม่รอดแน่” สการเครียดหนัก
   
       บรรยากาศบนเวทีบรรยากาศการประกวดนางนพมาศเริ่มขึ้นแล้ว พิธีกรเรียกชื่อผู้เข้าประกวดให้ออกมา
       “นางสาวนงคราญ งามกระฉูด ก้องเกียรติก่อสร้างส่งเข้าประกวด สัดส่วน 34 24 34”
       ผู้เข้าประกวดเดินอวดโฉมด้วยชุดไทยสวยงาม โบกมือฉีกยิ้มและไปก้มไหว้สวัสดีอย่างสวยที่หน้าเวที ชี้คอาเหม็ดนั่งไขว่ห้างกระดิกเท้ามองแสดงอาการแบบนี้สวยไม่ถูกใจ
   
       ชิโลเดินไปเดินมารู้สึกกระวนกระวายใจคอไม่ดีทั้งเรื่องที่ต้องออกไปประกวดนางนพมาศและเรื่องแก้ววิเศษที่เตือนเรื่องอสูร ตรีชฎาเข้ามาหา
       “คุณชิโล...คุณชิโล”
       “คะ...คุณตรีชฎา”
       “ใกล้จะถึงตาคุณแล้วค่ะ พร้อมมั้ยคะ”
       “เอ่อ...คือฉัน...ฉัน”
       ตรีชฎาตกใจ
       “อย่าบอกนะคะว่าคุณจะถอนตัวเอาตอนนี้ ไม่ได้นะคะ คุณคือความหวังเดียว ของภารกิจครั้งนี้ ความเป็นความตายของผู้หญิงบริสุทธิ์อีกนับร้อยชีวิตอยู่ในมือคุณ”
       ชิโลนิ่งไปครู่พยายามเรียกความมั่นใจ
       “ค่ะ...ฉันจะพยายาม”
       “ดีค่ะ ดิฉันจะไปดูที่หน้าเวที จากนี้ไปคุณต้องเชื่อมั่นในตัวเองแล้ว”
       ชิโลพยักหน้ารับ ตรีชฎาจับมือเป็นกำลังใจให้แล้วเดินออกไป ชิโลหลับตาอธิษฐาน
       “ท่านพ่อ พี่พรรณราย เป็นกำลังใจให้ชิโลทำความดีเพื่อช่วยมนุษย์ให้สำเร็จด้วยนะจ๊ะ”
       ระหว่างที่ชิโลกำลังหลับตาอธิษฐาน สิริสุดากับมัดหมี่ก็ย่องเข้ามาใกล้อย่างเงียบเชียบโดยที่ชิโลไม่รู้ตัว สิริสุดายิ้มพอใจ
       “ได้ผล กายของมนุษย์ทำให้แก้ววิเศษเตือนมันไม่ได้ว่าพวกเราเข้ามาใกล้มัน”
       “รีบๆกระชากสร้อยมันออกมาทำลายซะ ฉันอยากจะเล่นงานมันใจจะขาดอยู่แล้ว”
       มัดหมี่กับสิริสุดายิ้มร้าย ค่อยๆเข้าไปประกบแล้วยื่นมือเข้าไปใกล้แก้ววิเศษที่ชิโลสวมคออยู่
   
       ตรีชฎาออกมายืนดูการประกวดกับสการอยู่หน้าเวที
       “ชิโลพร้อมมั้ยคุณตรีชฎา”
       “พร้อมค่ะ ดิฉันมั่นใจว่าคุณชิโลต้องปฏิบัติภารกิจนี้สำเร็จแน่นอน เพราะเธอมุ่งมั่นมาก”
       “ผมก็หวังให้เป็นอย่างนั้น ถ้าไม่มีอะไรมาขัดขวางเธอ”
       ตรีชฎามองสการอย่างแปลกใจ ระหว่างนั้นดรัณเข้ามา
       “ฉันหาจนทั่วงานแล้ว ไม่เจอสิเลยว่ะไอ้แซม”
       “หรือว่าจะกลับไปแล้ว”
       “ฉันก็ภาวนาให้เป็นอย่างนั้น แต่ฉันรู้จักสิดี ถ้าไม่ได้อย่างใจ สิไม่มีทางยอมง่ายๆแน่”
       ตรีชฎาแปลกใจ
       “นี่คุณสิอยู่ที่นี่ด้วยเหรอคะผู้กอง”
       สการพยักหน้ารับ
       “คุณเห็นเธอที่แถวหลังเวทีรึเปล่า”
       “ไม่นะคะ ข้างหลังเวทีมีแต่คนที่เข้าประกวด”
   
       สิริสุดากำลังเอื้อมมือเกือบจะถึงสร้อยแก้ววิเศษที่คอชิโลอยู่แล้ว แต่ชิโลดันลืมตาขึ้นซะก่อน หญิงสาวตกใจ
       “คุณสิริสุดา!”
       สิริสุดาชะงัก
       “เอ่อ...”
       มัดหมี่หงุดหงิด
       “มัวแต่ชักช้าอยู่นั่นแหละ มันเลยรู้ตัวเลย”
       ชิโลแปลกใจมาก
       “คุณมัดหมี่ นี่พวกคุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
       ระหว่างนั้นเองเอิงเอยก็โผล่เข้ามาเข้าหลังชิโลแล้วจับตัวเธอล็อคไว้ทันที
       “ก็มาจัดการกับเธอไงชิโล”
       ชิโลตกใจ
       “ปล่อยฉันนะ…นี่ไม่ใช่เวลาที่พวกคุณจะมาเข้าใจฉันผิด ปล่อย”
       เอิงเอยรีบบอกเพื่อน
       “อย่ามัวแต่ยืนเฉยสิ รีบๆจัดการกับมัน”
       ชิโลหน้าตื่น
       “จะทำอะไรฉัน...อย่านะ ปล่อยฉัน”
       สิริสุดากับมัดหมี่ยิ้มร้าย สิริสุดาเข้าไปจับสร้อยที่คอชิโล
       “อย่านะ อย่ายุ่งกับสร้อยของฉัน”
       “เมื่อไม่มีแก้ววิเศษปกป้อง แกก็เสร็จพวกฉันแล้วรัศมิชโลธร”
       ชิโลตกใจ
     
       “นางอสูร...!”
1 | 2 | 3 | 4
หน้าถัดไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น