วันอาทิตย์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2555

อ่านละคร มณีแดนสรวง ตอนอวสาน วันที่ 14 ส.ค.55



อ่านละคร มณีแดนสรวง ตอนอวสาน วันที่ 14 ส.ค.55

อ่านละคร มณีแดนสรวง ตอนอวสาน วันที่ 14 ส.ค.55

อุ้มสมจะตามแต่สองอสูรก็มายืนขวางและหักนิ้ว...กร่อบ อุ้มสมกลืนน้ำลาย...เอื๊อก
ตรัสวินนั่งกอดเข่าร้องไห้เสียใจอยู่คนเดียวเศร้าๆ
“ฮือๆๆ เกิดเป็นครุฑแต่ดันถูกมนุษย์หลอก ไม่น่าเล้ย…ต่อไปนี้เราจะไม่ไว้ใจมนุษย์อีก แล้ว ฮือๆๆ”
ตรัสวินร้องไห้เสียใจได้ครู่มือหนึ่งมามาแตะไหล่

“อย่าเพิ่งหมดหวังกับมนุษย์สิตรัสวิน”
ตรัสวินตกใจ
“เจ้ามนุษย์ ! นี่เจ้า...” ตรัสวินยังระแวง “เจ้าหลุดพ้นจากมนตราของนารีผลแล้วเหรอ”
“ถ้าไม่ได้เธอไปเตือนสติให้ฉันรู้ตัว ฉันก็คงไม่รอดจากที่นั่นเหมือนกัน ขอบใจนะตรัสวิน”
“อย่าเพิ่งขอบใจเราเลย ตอนนี้เจ้าต้องรีบไปช่วยเหลือนางฟ้าและจัดการกับอสูร”
“ไม่ต้องห่วง คราวนี้ฉันจะไม่ปล่อยให้อสุเรศทำร้ายใครได้อีก สตถมุขนาคจะลากคอพวกมันให้กลับไปรับโทษที่พิภพอสูร”
สการหยิบเชือกนาคออกมา ตรัสวินเห็นเข้าก็ตกใจร้องเสียงหลง
“นาค!....พ่อแก้วแม่แก้ว ช่วยลูกด้วย เอานาคไปไกลๆ เรากลัว”
ตรัสวินถอยหนีไปหลบหลังต้นไม้กลัวมาก สการนึกได้
“ฉันขอโทษนะตรัสวิน ฉันลืมไปว่านาคกับครุฑไม่ถูกกัน เจอกันเมื่อไหร่ต้องตี กันเรื่อย แต่นาคตัวนี้ฟังคำสั่งเรา เจ้าไม่ต้องกลัว”
“ถ้าเจ้ายืนยันเราก็ค่อยโล่งอก เราจะได้พาเจ้าบินไปหานางฟ้า”


“ปีกของเจ้าใช้การได้แล้วเหรอ”
“ยังเจ็บอยู่นิดหน่อย แต่ก็พอพาเจ้าบินไปช่วยนางฟ้าได้”
ตรัสวินยิ้มอวดเก่งแล้วขยับปีกที่อยู่ข้างหลังออก

อุ้มสมถูกสองสมุนอสูรรุมเล่นงานผลัดกันชกจนอุ้มสมปัดป้องไม่ได้ อุ้มสมฮึดชกเปรี้ยงใส่หน้าอัคราสูร เต็มๆ แต่มันกลับยิ้มร้ายแบบไม่สะดุ้งสะเทือน จิตราสูรหัวเราะเยาะ
“ฮ่าๆๆ ถึงพรของรัศมิชโลธรจะช่วยไม่ให้พวกข้าฆ่าเจ้าได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะ กระทืบเจ้าให้พิการไม่ได้”
อัคราสูรเข้าไปจับแขนอุ้มสมมาบิดอย่างแรง อุ้มสมร้องเจ็บดังลั่น
“โอ๊ย !”
อัคราสูรถลึงตาใส่น่ากลัว
“เจ้าทำให้ข้าอารมณ์เสียมาหลายครั้งแล้ว วันนี้ข้าจะหักแขนหักขาเจ้าทีละข้าง แล้วปล่อยให้นอนทรมานกลายเป็นอาหารให้สัตว์ในหิมพานต์แทะเล่น”
อัคราสูรออกแรงบิดแขนอีก อุ้มสมเจ็บปวดมากๆ ทันใดนั้นสการกับตรัสวินปรากฏตัวขึ้น
“ปล่อยอุ้มสมเดี๋ยวนี้!”
จิตราสูรตะลึงงัน
“ผู้กองสการ...มันรอดจากพวกนารีผลมาได้ยังไง”
ตรัสวินยิ้มเย้ย
“เพราะมนุษย์คนนี้ไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา แต่เป็นมนุษย์ที่พวกอสูรหางแถวอย่างพวกเจ้า ต้องหวาดกลัว”
อัคราสูรโกรธ
“เจ้าครุฑตัวกะเปี๊ยก ปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม กล้ามาดูถูกข้า เจ้าได้ปากเจ่อมากกว่า จงอยปากเจ้าอีก”
อัคราสูรปล่อยอุ้มสมแล้วแล้วตรงดิ่งมาที่ตรัสวินกับสการ ตรัสวินรีบหลบไปข้างหลังสการ
“อสูรใจชั่วคิดรังแกเด็ก จัดการสั่งสอนมันเลยเจ้ามนุษย์”
สการตั้งรับ อัคราสูรวิ่งเข้ามาเปิดฉากแลกหมัดซัดกันนัว อุ้มสมฮึดขึ้นมาแล้วเข้าไปสู้กับจิตราสูร ตรัสวินตามไปช่วย กระโดดเกาะหลังใช้จงอยปากจิกใส่ไม่หยุด
สการแลกหมัดกับอัคราสูรอย่างมันส์หยด สองคนประลองกำลังข่มใส่กัน อัคราสูรจับสการกดจนเข่าทรุด แต่สการก็มีลูกฮึดดันกลับแล้วใช้หัวกระแทกแสกหน้าจนอัคราสูรผงะ อัคราสูรเจ็บใจคำรามส่งเสียงร้องดัง ดวงตาแดงก่ำแยกเขี้ยวโง้งจะเล่นงาน สการตัดสินใจเอาเชือกสตถมุขนาค ออกมาแล้วโยนไปข้างหน้า กลายเป็นนาคตัวใหญ่น่าเกรงขามเลื้อยเข้าไปพันตัวอัตคราสูรแล้วฉกกัดใส่ทันที อัคราสูรร้องเจ็บปวดทรมาน พิษร้ายของนาคทำให้ร่างกายของมันลุกไหม้ ก่อนจะสลายกลายเป็นขี้เถ้าต่อหน้า ต่อตาจิตราสูรที่กลัวจนลนลาน เอานิ้วจิ้มตาอุ้มสม ผลักตรัสวินกระเด็นแล้วโกยอ้าวเอาตัวรอด
“เป็นไงบ้างอุ้มสม”
“เจ็บน่ะสิถามได้...ถ้าผู้กองมาไม่ทันมีหวังโดนมันหักแขนหักขาไปแล้ว”
ตรัสวินรีบบอก
“เจ้าอสูรขี้ขลาด คงหนีไปหาหัวหน้ามัน เรารีบตามไปจัดการพวกมันให้หมดเลยดีกว่า”
สการพยักหน้ารับแล้วช่วยพยุงอุ้มสมขึ้น

อสุเรศอุ้มชิโลมาวางที่โคนต้นไม้ ชิโลหน้าซีดจนแทบจะหมดลมหายใจแต่ก็ยังใจแข็ง

“ปล่อยเรา...ให้เราตายซะยังดีกว่าต้องเป็นหนี้ชีวิตเจ้า...อสุเรศ”
“ข้าปล่อยให้เจ้าตายไม่ได้หรอกรัศมิชโลธร ถึงข้าจะเป็นอสูรร้ายในสายตาเจ้า แต่ข้าจะ ไม่ปล่อยให้เจ้าต้องทรมานทั้งใจและกาย ข้าจะใช้ความรักที่มีต่อเจ้าช่วยเยียวยาให้ เจ้าหายจากความเสียใจเพราะมนุษย์อย่างมัน”
“ไม่มีใครแทนที่สการได้...ชีวิตฉันมีไว้เพื่อเขาคนเดียว”
“ไว้เจ้าอยู่กับข้าแล้วเจ้าก็จะลืมมันไปเอง”
อสุเรศชี้นิ้วแตะที่หน้าผากชิโล เกิดแสงสวาบขึ้นที่ปลายนิ้วอสุเรศ ชิโลสะดุ้งเฮือกเส้นเลือดสีดำเพราะนิลพิษ ค่อยจางหายไป ชิโลแน่นิ่งไป
“หลับให้สบายนางฟ้าของข้า เมื่อเจ้าตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เจ้าก็จะกลายเป็นเจ้าสาวของข้า ไปชั่วกัปชั่วกัลป์”
อสุเรศยิ้มร้ายหัวเราะชอบใจได้ครู่ จิตราสูรวิ่งล้มลุกคลุกคลานเข้ามาหน้าตาแดงเถือกร้อนรุ่มไปทั้งตัว
“นาย...นายท่าน...ช่วย...ช่วยข้าด้วย”
อสุเรศชะงักเห็นสมุนตัวเองร่างกายร้อนผ่าวทรมาน สการเดินเข้ามา อุ้มสมกับตรัสวินตามเข้ามา
“ลูกน้องของแกโดนพิษของนาคไปแล้ว รายต่อไปก็คือแกอสุเรศ”
“นายท่าน...ช่วยข้าด้วย...ข้ายังไม่อยากตาย”
จิตราสูรดิ้นพราดๆก่อนที่ร่างจะลุกไหม้เป็นไฟจนเหลือแต่ขี้เถ้าต่อหน้าต่อตา อสุเรศเจ็บใจ
“ผู้กองสการ…มนุษย์อย่างแกไม่มีวันเอาชนะอสูร”
อสุเรศขยับจะเข้าไปเล่นงาน สการเตรียมเชือกนาคขึ้นมาจะเล่นงานอสุเรศ แต่ถูกอสุเรศชี้นิ้วแล้วสบัดมือ ทีเดียว เชือกนาคกระเด็นหลุดจากมือ อุ้มสมกับตรัสวินจะเข้าไปหยิบ แต่ก็ถูกอสุเรศก็ชี้นิ้วสั่งทีเดียว ทั้งคู่กระเด็นไปนอนจุกกระเด็นตามแรงสั่ง สการหันขวับไม่ทันตั้งตัวอสุเรศโผล่ตึ่งมายืนตรงหน้าแล้วใช้มือบีบคอสการยกจนตัวลอย
“รัศมิชโลธรต้องเป็นของข้าแต่ผู้เดียว”
สการหน้าดำหน้าแดง ชกใส่หน้าอสุเรศไปหลายหมัด แต่อสุเรศอึดไม่สะดุ้งสะเทือน สการเลยจับมืออสุเรศแล้ว ออกแรงแกะมือออกจากคอ อสุเรศยิ่งออกแรงต้านแต่สการก็สู้ไม่ถอยจนแกะมืออสุเรศได้ผลักอสุเรศแล้วถอยมาตั้งหลัก อสุเรศไม่ยอมหยุดปรี่เข้ามาจะเล่นงานอีก แต่คราวนี้สการชกสวนกลับ เปิดฉากแลกหมัดกับอสุเรศอย่างถึงพริกถึงขิง สการกลายเป็นฝ่ายรุกไล่เล่นงานจนอสุเรศเลือดกบปาก สการกระชากคอมาจ้องเขม็ง
“ถ้าฉันไม่มีวาสนาได้อยู่กับนางฟ้า อสูรอย่างแก...ก็ไม่มี เหมือนกัน”
สการเอาหัวโขกใส่อสุเรศจนกระเด็นแล้วแน่นิ่งไป สการยืนหอบแฮ่กกว่าจะเล่นงานอสุเรศได้ก็เล่นเอาหอบ ตรัสวินกับอุ้มสมดีใจเฮเสียงลั่นที่เห็นสการสั่งสอนอสุเรศจนสลบเหมือดแต่อสุเรศแกล้งแพ้เพื่อให้สการหลงตายใจ มันลุกขึ้นแล้วแล้วใช้นิ้วสั่งให้สการขยับเขยื้นตัวไม่ได้ ก่อนจะใช้นิ้วชี้ ไปที่หน้าผาก
“ถึงพรของรัศมิชโลธรทำให้ข้าฆ่าเจ้าไม่ได้ แต่พิษของข้าจะทำให้เจ้าทรมานจนต้องฆ่า ตัวตายเอง”
สการกำลังจะถูกอสุเรศสาปพิษร้ายใส่แต่ทันใดนั้นชิโลที่รู้สึกตัวขึ้นมาก็คว้าเชือกนาคจากพื้นเข้ามาเอาเรื่อง
“ได้เวลาที่เจ้าต้องถูกลงโทษแล้วอสุเรศ”
ชิโลโยนเชือกนาคออกไปกลายเป็นสตถมุขนาคตัวใหญ่ อสุเรศตกใจปล่อยมือจากสการ แล้วพยายามจะหนี แต่นาคก็เลื้อยตามเข้าไปรัดตัวอสุเรศเอาไว้จนกระดิกตัวไม่ได้
“ปล่อยข้า…ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้”
สตถมุขนาคหายตัวไปพร้อมกับอสุเรศ สการกับชิโลรีบวิ่งเข้าหากัน
“ชิโล!”
“ผู้กอง”
สองคนกอดกันด้วยความดีใจ อุ้มสมเอามือปิดหน้าตรัสวิน
“ตอนนี้เด็กห้ามดู เป็นเรื่องของผู้ใหญ่เขา”

สการอุ้มชิโลเดินเข้ามาที่บริเวณหนึ่งของป่าหิมพานต์ ตรงทางข้างหน้ามีวงแหวนอยู่กลางอากาศเหมือนเป็น ประตูที่จะพากลับไปยังโลกมนุษย์
“ปล่อยฉันเดินเองได้แล้วค่ะผู้กอง ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว”
“แต่ผมยังอุ้มไหวนะ ให้อุ้มกลับไปจนถึงโลกมนุษย์ก็ไหว”
ตรัสวินแขวะ
“ทีงี้ล่ะทำพูดเก่งเจ้ามนุษย์ ทีตอนอยู่กับพวกนารีผลเห็น คอพับคออ่อน มือไม้ไม่มีแรง กินเองไม่ไหวต้องให้พวกนั้นคอยป้อนปาก”
“จริงเหรอตรัสวิน” ชิโลตีแขนสการทันที “ชอบพวกนารีผลมากใช่มั้ย งั้นก็อยู่ที่หิมพานต์นี่ไปเลย ไม่ต้องกลับ”
สการออดอ้อน
“โธ่ชิโล...ก็ตอนนั้นผมลืมตัว ผมสัญญานะว่าจะไม่มีครั้งที่สองแน่นอน”
อุ้มสมดักคอ
“แน่ล่ะสิผู้กอง เพราะเจ้าคงไม่มีโอกาสมาเหยียบที่ป่าหิมพานต์นี่อีกแน่”
ชิโลมองค้อนสการแล้วหันมาที่ตรัสวิน
“ไม่สนใจไปเที่ยวที่โลกมนุษย์ด้วยกันเหรอตรัสวิน”
“ไว้โอกาสหน้าแล้วกัน ตอนนี้เราต้องกลับไปสุบรรณพิมาน หายมานานเดี๋ยวจะโดนดุ”
“ขอบใจนะเจ้าครุฑน้อย”
ตรัสวินงอนๆ
“อย่าเรียกเราว่าครุฑน้อยนะ อายุของเราแก่กว่าเจ้าเป็นร้อยปีเจ้ามนุษย์”
ชิโลยิ้มขำ
“จ้ะตรัสวิน...มีโอกาสเมื่อไหร่ก็แวะไปหาเราที่ดาวดึงส์นะ”

ตรัสวินยิ้มรับ แต่อุ้มสมสังเกตเห็นสีหน้าของสการมีความเสียใจเมื่อได้ยินชิโลพูดถึงดาวดึงส์

บรรยากาศรีสอร์ทกลางขุนเขาสวยงาม สิริสุดาอยู่ในชุดเจ้าสาวแสนสวย มีเอิงเอยคอยช่วยดูแลความสวยงามให้ ชิโลเอาดอกไม้มาให้

“คุณสิสวยจังเลยนะคะ”
“อย่าเรียกฉันอย่างนั้นเลยค่ะ คุณเป็นนางฟ้าแต่เราเป็นแค่มนุษย์ธรรมดา”
“เรียกฉันแบบเดิมเถอะคุณสิ ตอนนี้ฉันก็ยังเป็นมนุษย์อยู่ ยังไม่ได้คืนสภาวะเดิม ฉันอยากจะขอโทษเธอที่เคยมาก่อกวนทำให้การแต่งงานของเธอต้องพัง”
“ไม่เป็นไรหรอกชิโล ฉันต่างหากที่ต้องขอบคุณเธอที่มาช่วยทำให้ฉันกับดรัณรักกัน มากขึ้น”
เอิงเอยเสริม
“มากจนเลี่ยนเลยล่ะชิโล”
“ยัยเอิง แกเนี่ย…” สิริสุดาหันมาจับมือชิโล “ชิโลจ๊ะ สัญญาได้มั้ยว่าจะอยู่ร่วมพิธีแต่งงานของฉันจนเสร็จแล้วค่อยกลับสวรรค์”
ชิโลนิ่งไปหน้าตาดูมีแววกังวล สิริสุดากับเอิงเอยทำหน้าเศร้าเชิงขอร้อง

บรรยากาศงานแต่งงานที่บริเวณสวนสวยๆของรีสอร์ท มีริบบิ้น ลูกโป่ง ดอกไม้จัดเต็ม เริ่ดหรูดูดี ดรัณในชุดเจ้าบ่าวหล่อเนี๊ยบ สการเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวยืนประกบที่หน้าแท่นพิธี มีบาทหลวงรอทำพิธีให้
“ไอ้แซม…ตื่นเต้นจนหน้าจะมืดแล้ว มียาดมรึเปล่า”
“อย่าเว่อร์น่า งานแบบนี้แกเคยผ่านมาแล้วนะเว้ย”
“มันก็ใช่ แต่ตอนนั้นงานมันล่มก่อน ไม่ทันได้แต่งเป็นเรื่องเป็นราวนี่หว่า”
บาทหลวงกระแอมขัดจังหวะเพราะได้เวลาเริ่มพิธีแล้ว ดรัณกับสการรีบสงบ เสียงเพลงงานแต่งงานดังขึ้น ทุกสายตาจับจ้องไปที่เจ้าสาวซึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับเอิงเอยกับชิโลที่เป็นเพื่อน เจ้าสาว เนื่องจากพ่อเจ้าสาวมาไม่ได้ เพื่อนเจ้าสาวเลยช่วยส่งตัวแทน
ชิโลกับเอิงเอยส่งสิริสุดาไปอยู่หน้าบาทหลวงคู่กับดรัณ แต่บาทหลวงหรี่ตามองชิโลที่มายืนในฐานะเพื่อน เจ้าสาวอย่างคุ้นตาก่อนจะนึกออก
“พ่อจำได้แล้ว เธอเป็นกิ๊กของเจ้าบ่าว ที่เคยมาล่มงานแต่งครั้งที่แล้ว”
ชิโลจ๋อยไป
“เอ่อ…ใช่ค่ะหลวงพ่อ”
“งั้นไปตกลงกันให้เรียบร้อยก่อน หลวงพ่อไม่เอาเหมือนคราวที่แล้วอีก”
บาทหลวงปิดพระคัมภีร์แล้วจะถอนตัวออกจากงาน ทุกคนตกใจรีบเข้าไปดึงบาทหลวงไว้ ชิโลรีบบอก
“เดี๋ยวค่ะเดี๋ยว…หลวงพ่อ หลวงพ่อทำพิธีให้บ่าวสาวเขาเถอะค่ะ คราวนี้ดิฉันสัญญาว่าจะไม่ก่อกวนแน่นอน”
บาทหลวงจ้องหน้า
“จริงนะ”
“จริงค่ะ ไม่งั้นวันนี้หนูจะมาเป็นเพื่อนเจ้าสาวได้ยังไง”
“แน่นะ”
ดรัณรีบตอบแทน
“แน่สิครับหลวงพ่อ พวกผมเคลียร์กันลงตัวแล้วว่าใครคู่กับใคร หลวงพ่อ รีบๆทำพิธีให้ผมซะที ผมอยากมีเมียใจจะขาดแล้ว”
“ก็ได้…ถ้าไม่มีใครทำลายพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ หลวงพ่อก็ขอเริ่มพิธีเลยแล้วกัน”

พิธีการดำเนินมาถึงช่วงสำคัญ บาทหลวงถามสิริสุดา
“นางสาวสิริสุดา ยินดีจะรับร้อยตำรวจเอกดรัณเป็นสามีของเจ้าไปตลอดชีวิตหรือไม่”
สิริสุดายิ้มกว้าง
“รับค่ะ”
“ร้อยตำรวจเอกดรัณ ยินดีจะรับนางสาวสิริสุดาเป็นภรรยาของเจ้าไปตลอดชีวิตหรือไม่”
ดรัณยิ้มกว้าง
“รับครับ”
“ถ้าอย่างนั้น ผู้ใดมีความประสงค์จะคัดค้านการที่หญิงและชายทั้งสอง นางสาวสิริสุดา และร้อยตำรวจเอกดรัณ จะแต่งงานร่วมชีวิตเป็นสามีภรรยากันหรือไม่”
ชิโลพูดทันที
“เดี๋ยวค่ะ!”
ทุกคนในพิธีหันขวับไปที่ชิโลเป็นตาเดียว ชิโลกลั้นฮัดเช่ยไว้ไม่อยู่
“ฮัด…ชิ้ว! เรียบร้อยแล้วค่ะ ขอโทษที่ขัดจังหวะ เชิญต่อเลยค่ะ”
ทุกคนเป่าปากโล่งอกพร้อมกัน โดยเฉพาะบาทหลวง
“เล่นเอาหลวงพ่อใจหายใจคว่ำหมด เอาล่ะ ถ้าไม่มีใครคัดค้าน พ่อก็ขอประกาศให้เจ้า ทั้งสองเป็นสามีกันอย่างถูกต้อง ถือว่าการสมรสในวันนี้สำเร็จสมบูรณ์เรียบร้อยทุก ประการ”
“ไชโย ! ได้มีเมียแล้ว”
ดรัณอดใจตื่นเต้นไม่ไหวเข้าไปดึงตัวสิริสุดามาจูบทันที ท่ามกลางเสียงเฮลั่นของทุกคน

สการขำดรัณที่ดีใจออกนอกหน้า ชิโลเองก็อมยิ้มขำก่อนที่ทั้งคู่จะสบตากันแล้วนิ่งกันไป
ดรัณอุ้มเจ้าสาวพาออกมาท่ามกลางรุ้งกระดาษปุ้งปังสวยงาม บรรดาสาวๆ มายืนออรอรับช่อดอกไม้กันหน้าสลอน ตรีชฎาไล่คนอื่นๆ

“หลบๆๆ ใครไม่เกี่ยวหลบไปไกลๆเลยนะคะ”
ตรีชฎาเบียดสาวๆเพื่อให้ตัวเองมีพื้นที่มากที่สุด
“ขอโทษด้วยนะคะคุณตรีชฎา งานนี้ของยัยสิ งานหน้าน่ะของฉัน”
เอิงเอิยเบียดตรีชฎากลับแล้วก็เบียดกันไปมาอย่างไม่มีใครยอมใคร สิริสุดาหันมาบอกชิโล
“ชิโล…ไปลองเสี่ยงทายด้วยสิ”
ชิโลส่ายหน้าปฏิเสธ สิริสุดาคะยั้นคะยอ
“น่า…นะ…สนุกดีออก”
เอิงเอยกับตรีชฎาเข้ามาจูงมือชิโลเข้าไปร่วมวง
“มาลุ้นด้วยกันนะคะ…มาค่ะ”
ชิโลถูกจับมือพาเข้าไปอยู่กลางวงของสาวๆ สิริสุดาหันหลังแล้วโยนช่อดอกไม้ ช่อดอกไม้ลอยละลิ่ว สาวๆเบียดเสียชูมือสลอน แต่สุดท้ายดอกไม้ก็ตกมาอยู่ในมือของชิโล ดรัณเห็นได้โอกาสดีเลยผลักสการจนเซถลาไปยืนประกบข้างกับชิโล ดรัณประกาศก้อง
“เอ้า…คู่ต่อไป ผู้กองสการกับคุณชิโล”
ทุกคนเฮเชียร์กันเสียงดัง ชิโลกับสการอายหน้าแดงเหมือนกัน บรรยากาศเป็นอย่างอย่างชื่นมื่น

ชิโลถือช่อดอกไม้ออกมานั่งเศร้าๆที่ชิงช้าอยู่คนเดียว สการตามเข้ามาหยุด มองอยู่ครู่ก่อนจะช่วยไกวชิงช้าให้
“ท้องฟ้าวันนี้สวยดีนะชิโล ดูสิ…มีรุ้งด้วย”
ชิโลมองตามแล้วยิ่งเศร้า
“รุ้งที่เห็นนั่นหมายความว่า ท่านพ่อกำลังมารับฉันกลับ”
สการชะงักไปแล้วตัดสินใจทันทีว่าจะไม่รั้งรออีกรีบไปดึงชิโลมากอดเอาไว้แน่น
“อย่าไปเลยนะชิโล…อยู่กับฉันที่นี่เถอะ ฉันขอร้อง อย่าทิ้งฉันไปเลย”
“แต่ภารกิจของฉันเสร็จแล้ว ฉันต้องกลับไปเป็นนางฟ้า”
ชิโลมองสการแล้วร้องไห้ทุกคนที่ตามมาลุ้นสการกับชิโลพลอยเสียใจน้ำตารื้นไปตามๆกัน
“แต่ฉันอยากให้เธออยู่กับฉัน ในเมื่อฉันช่วยเธอไว้ ฉันก็จะขอร้องเทพบิดา”
ทันใดนั้นเสียงเทพบิดาก็ดังขึ้น
“มนุษย์อย่างเจ้ากล้าดียังไงถึงคิดจะมาต่อรองกับเรา”
สรุเสียงดังกึกก้องกัมปนาท ทุกคนหันไปเห็นแสงสว่างพาดผ่านจากท้องฟ้าลงมาหยุดที่เบื้องหน้า เทพบิดากับพรรณรายปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนด้วยรัศมีเปล่งปลั่ง ชิโลหน้าตื่น
“เทพบิดา!”
ทุกคนตกใจในความน่าเกรงขามของเทพบิดา นารีรีบก้มลงกราบ ทุกคนรีบทำตาม พรรณรายพูดขึ้น
“ชิโล อุ้มสม…ขอบคุณท่านพ่อสิ ท่านยกโทษให้พวกเจ้าแล้ว”
ชิโลกับอุ้มสมเข้ามากราบเทพบิดา
“ในเมื่อพวกเจ้าแก้ไขความผิดพลาดที่ก่อขึ้นจนสำเร็จแล้ว เราก็จะคืนทิพย์สภาวะให้”
เทพบิดาชี้นิ้วไปที่อุ้มสมเป็นคนแรก ฉับพลันแสงสว่างเรืองรองขึ้นรอบตัว ละอองทิพย์ล้อมรอบตัวอุ้มสมจน คืนร่าง กลายเป็นเทพบุตรงดงามหล่อเหลา เอิงเอยอึ้งตะลึง
“แก…เห็นมั้ย…เทพบุตร…หล่อมาก…หล่อได้อีก ทำไมตอนเป็นมนุษย์ไม่เห็น หล่อแบบนี้เนี่ย”
สิริสุดารีบตีแขนเพื่อนบอกไม่ให้โอเว่อร์แอคมาก เทพบิดามองชิโล
“มาสิรัศมิชโลธร ความดีของเจ้าได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เจ้าสมควรได้รับการให้อภัย กลับไปเป็นเทพนารีแห่งแดนสรวงอีกครั้ง”
“ท่านพ่อ…คือ…ลูก…ลูก”
“เป็นอะไรไปอีก ตอนที่พ่อจะส่งเจ้ามา เจ้าก็ร้องโอดครวญว่าไม่อยากมา แต่ตอนนี้กลับ ไม่อยากกลับ หรือว่าที่พ่อลงโทษไปยังไม่ทำให้เจ้าเลิกดื้อ”
สการรีบขัดขึ้นทันที
“ชิโลไม่ใช่นางฟ้าที่ดื้อไม่ฟังใครนะครับท่านเทพ”
สการโพล่งออกไปทำเอาทุกคนตกใจที่สการกล้าไปเผชิญหน้ากับเทพบิดาอย่างไม่หวั่นเกรง
“ผมรักชิโล และชิโลก็รักผม ผมจึงอยากจะขอโอกาสให้ผมได้อยู่กับเธอจนชั่วอายุไข ของเราจะได้มั้ยครับ”
“รัศมิชโลธรเป็นลูกสาวของเรา เจ้ากล้าขอเรามากขนาดนี้ ไม่บังอาจมากไปหน่อยเหรอ”
“ผมรักเธอ ไม่ว่ายังไงนั่นก็คือความจริงที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้”
เทพบิดานิ่งไปครู่ก่อนจะหันไปที่ชิโล
“แล้วเจ้าล่ะรัศมิชโลธร โลกมนุษย์ไม่ได้มีแต่มนุษย์กลุ่มนี้ ที่มีแต่ความดี มีขาวก็ต้องมีดำ นางฟ้าอย่างเจ้าถ้าจะอยู่ที่นี่ก็ต้องเจอกับความเสื่อม ของมนุษย์ นั่นจะทำให้รัศมีเจ้ามัวหมอง กลับไปสวรรค์ไม่ได้อีก”
พรรณรายเห็นใจ
“ชิโล...ถึงน้องจะรอดจากน้ำมือของพวกอสูรมาได้เพราะความกล้าหาญและ ความรักของเขา แต่เขาก็เป็นมนุษย์ คิดดูนะ วันนี้น้องอาจจะต้องพรากจากกัน แต่ถ้า เขาหมั่นทำ ความดี เมื่อสิ้นอายุขัยก็จะได้ไปเกิดบนดาวดึงส์และได้พบกันอีก”
“ว่ายังไงล่ะรัศมิชโลธร พ่อไม่ได้มีเวลามารอเจ้านานนักนะ”
ชิโลตัดสินใจอย่างยากลำบาก อุ้มสมเข้าไปแนะนำ
“กลับสวรรค์ด้วยกันเถอะชิโล...นะชิโล”
อุ้มสมพยายามขอร้องให้ชิโลตัดสินใจ ชิโลมองทุกคนทั้งพี่สาว ทั้งพ่อ ทั้งอุ้มสมและสการ เป็นการตัดสินใจที่ ชิโลหาทางออกไม่ได้เลยวิ่งหนีออกไป เทพบิดาตกใจ
“รัศมิชโลธร!”
เทพบิดามีท่าทางไม่พอใจที่ชิโลวิ่งหนีไป รัศมิพรรณรายรีบช่วยอธิบายให้เข้าใจ
“ท่านพ่อคะ ลูกขอโทษแทนน้อง แต่นี่เป็นเรื่องสำคัญที่สุดของน้อง ให้เวลาน้องตัดสินใจ อีกสักนิด…นะคะท่านพ่อ”
เทพบิดานิ่งไปสีหน้ายอมรับให้ชิโลตัดสินใจ สการเห็นทางฝั่งเทวดาดูเคร่งเครียดและเป็นห่วงเกี่ยวกับการตัดสิน ใจของชิโลก็พลอยไม่สบายใจไปด้วย

ชิโลกอดอกครุ่นคิดอย่างหนักใจ น้ำตาเอ่อเพราะไม่รู้จะเลือกทางไหน สการเดินตามเข้ามาเรียกเบาๆ
“ชิโล”
ชิโลรีบปาดน้ำตาไม่อยากให้สการเห็นแต่สการกลับเข้าไปจับชิโลหันมาแล้วช่วยเช็ดน้ำตาให้อย่างทะนุถนอม
“ผู้กอง...ฉัน...ฉัน”
สการแตะปากชิโลไม่ให้พูดต่อ
“ไม่เป็นไรหรอกชิโล ฉันเข้าใจ เธอไม่ต้องห่วงไม่ต้องกังวล อะไรอีกแล้วกลับสวรรค์ไปพร้อมกับเทพบิดาเถอะ”
ชิโลตกใจ
“ผู้กอง ! คุณไม่รักฉันแล้วเหรอ”
สการเจ็บปวดแต่ฝืนทน
“รัก...รักสิ...ผมรักคุณเสมอ เพราะความรักที่อยากให้คนที่เรารักได้ แต่สิ่งดีๆผมจึงไม่ควรให้ความเห็นแก่ตัวของผมฉุดรั้งคุณเอาไว้ที่นี่”
“ผู้กอง!”
“พี่พรรณรายพูดถูกโลกมนุษย์ไม่ใช่ที่ๆเหมาะกับคุณ ภพภูมิที่เหมาะกับนางฟ้าก็ควร เป็นสวรรค์ ไม่ใช่โลกมนุษย์ ผมสัญญานะว่าผมจะทำแต่ความดี จะได้ไปอยู่คุณ บนสวรรค์ สัญญานะว่าคุณก็จะรอผมอยู่บนนั้นเหมือนกัน”
สการพูดไปก็น้ำตาคลอ ชิโลพลอยร้องไห้ตาม สองคนกอดกันเหมือนว่าเป็นการกอดเพื่อจากลา

สการจูงมือพาชิโลกลับเข้ามา ด้วยความอยากรู้ของทุกคน เทพบิดาถามทันที
“เจ้าตัดสินใจแล้วใช่มั้ยรัศมิชโลธร”
ชิโลนิ่งมือยังกุมมือสการเอาไว้ สการตัดสินใจตอบแทน
“ชิโลตัดสินใจแล้วครับท่านเทพ ที่ๆนางฟ้าควรจะอยู่คือบนสวรรค์”
สการบีบมือชิโลแล้วปล่อยให้ไปกับเทพบิดา พวกมนุษย์ทุกคนเห็นสการทำแบบนั้นก็อดสงสารสการไม่ได้
“เอาล่ะ...ถ้าอย่างนั้นก็มาให้พ่อคืนทิพย์สภาวะให้เจ้า เราจะได้กลับดาวดึงส์กันซะที”
เทพบิดากำลังจะชี้นิ้วคืนร่างนางฟ้าให้ แต่ทันใดนั้นชิโลกลับตัดสินใจเด็ดขาด
“ไม่ค่ะท่านพ่อ...ลูกไม่กลับสวรรค์ ลูกขออยู่ที่โลกมนุษย์กับคนที่ลูกรัก”
เทพบิดาอึ้ง
“รัศมิชโลธร...นี่เจ้า เจ้าเป็นเทพนารี เจ้าอยู่ร่วมกับมนุษย์ไม่ได้”
“ลูกทราบค่ะท่านพ่อ แต่เวลานี้ลูกยังเป็นแค่มนุษย์ธรรมดา ลูกตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ กลับไปเป็นนางฟ้าอีก ลูกขออยู่อย่างมนุษย์คนนึง”
พรรณรายเตือน
“ชิโล...เป็นมนุษย์ไม่เหมือนกับเป็นนางฟ้านะ”
“น้องรู้ดีค่ะพี่ น้องอาจจะกลับไปอยู่สวรรค์แล้วรอแป๊บเดียว สการก็อาจจะทำความดี จนได้ตามไปอยู่กับน้อง แต่เวลาที่เขาต้องทรมานเพราะไม่ได้เจอน้อง มันเท่ากับทั้ง ชีวิตของเขา น้องยอมให้คนที่น้องรักทุกข์ทรมานทั้งชีวิตไม่ได้”
ชิโลเข้าไปจับมือสการเอาไว้แน่นยืนยันการตัดสินใจ สการชะงักอึ้ง
“ชิโล”
“ฉันตัดสินใจแล้วค่ะผู้กอง”
เทพบิดาจ้องหน้า
“สิ่งที่ลูกขอมา ถ้าพ่อให้ไปแล้ว ลูกจะเรียกร้องคืนอีกไม่ได้”
“ลูกมั่นใจค่ะท่านพ่อ ผู้ชายคนนี้จะรักลูกและไม่ทอดทิ้งลูก”
สการยืนยันหนักแน่น
“ครับท่านเทพ ผมจะรักเธอไปจนลมหายใจสุดท้าย”
เทพบิดานิ่งไป พรรณรายเห็นแล้วก็พอจะเข้าใจน้อง
“ท่านพ่อ...เวลาที่น้องอยู่บนโลกมนุษย์จนสิ้นอายุขัยก็เท่ากับพริบตาเดียวบนสวรรค์ บางทีตอนที่น้องสิ้นอายุขัยแล้วกลับไปดาวดึงส์อีกครั้ง ท่านพ่ออาจจะยังไหว้พระมหา จุฬามณีไม่ทันเสร็จด้วยซ้ำ”
“ท่านพ่อ...เขาช่วยชีวิตลูก เพราะฉะนั้นชีวิตที่เหลือของลูกในวันนี้เป็นของเขาค่ะ”
เทพบิดาถอนใจ
“ในเมื่อเจ้าตัดสินใจเลือก พ่อก็จะอนุญาตให้เจ้าอยู่เป็นมนุษย์ไปจนสิ้นอายุขัย”
สการกับชิโลดีใจ ทุกคนที่ลุ้นอยู่พลอยดีใจไปด้วย ยกเว้นอุ้มสมที่หน้าจ๋อยๆ
“เราคงห้ามเจ้าไม่ได้ กลับสวรรค์คราวนี้ เราคงเหงาน่าดู”
“ไม่หรอกอุ้มสม กลับไปคราวนี้เทพนารีองค์อื่นๆจะมารุมล้อมเจ้าเพราะเจ้าสามารถ จัดการกับอสุเรศได้ แล้วเจ้าก็จะลืมเราไปเอง”
“เราไม่ลืมเจ้าหรอก...ไม่มีวันลืม”
พรรณรายตัดบท
“เอาล่ะ พี่จะรอน้องอยู่ที่ดาวดึงค์นะ หมั่นเพียรทำความดี เราจะได้พบกันอีก”
ร่างของเทพบิดากับพรรณรายและอุ้มสมเปล่งรัศมีเรืองรอง ก่อนจะกลายเป็นพลุไฟพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าสวยงาม ทุกคนเข้ามาดีใจกับสการและชิโลที่ได้อยู่ด้วยกัน

บนเฉลียงของรีสอร์ทมองออกไปเห็นทิวเขาสวยงามสุดลูกหูลูกตา สการทั้งสวมกอด ทั้งหอมแก้มชิโล
“อายคนอื่นเขามั่งสิคะผู้กอง”
“ตรงนี้ไม่มีใครนะ”
ชิโลชี้บนฟ้า
“แต่บนโน้นมีนะ เยอะด้วย”
“ไม่เป็นไร ผมไม่อายเทวดานางฟ้าบนสวรรค์หรอก เพราะผมมีนางฟ้าที่ทั้งสวยทั้งแสน ดีอยู่กับตัวแล้ว บนโน้นน่าจะอิจฉาผมด้วยซ้ำ”
“พูดแบบนี้ให้ตลอดนะ ตอนนี้ฉันเป็นมนุษย์แล้ว แก่ได้ อ้วนได้ ไม่สวยได้ ถ้าทิ้งฉัน ล่ะก็…” ชิโลจิกหน้าเอาเรื่อง “ฮึ่ม!! จะฟ้องให้อุ้มสมลงมาสาปให้เป็นห่านเลย”
“ไม่หรอกจ้ะ...ผมสัญญาว่าจะดูแลมณีแดนสรวงคนนี้ด้วยความรัก ถ้าวันไหนรักน้อย กว่าวันนี้แม้แต่นิดเดียว จะยอมให้อุ้มสมลงมาสาปให้เป็นห่านเลย”

สการพูดไปก็โอบกอดชิโลแล้วดึงมาหอมแก้มจนจั๊กจี๊ ทั้งคู่กอดกันกุ๊กกิ๊กอย่างน่ารัก

***********จบบริบูรณ์**********

อ่านละคร มณีแดนสรวง ตอนอวสาน วันที่ 14 ส.ค.55

ละครเรื่อง มณีแดนสรวง บทประพันธ์โดย : พงศกร
ละครเรื่อง มณีแดนสรวง กำกับการแสดงโดย : คมกฤษ ตรีวิมล
ละครเรื่อง มณีแดนสรวง อำนวยการผลิตโดย: บริษัท บรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น จำกัด
ละครเรื่อง มณีแดนสรวง แนวละคร : โรแมนติก - แฟนตาซี
ละครเรื่อง มณีแดนสรวง ออกอากาศทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 18.30 น. - 20.00 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3
ละครเรื่อง มณีแดนสรวง นำแสดงโดย: อาร์ต พศุตม์, ซาร่า, แหนม รณเดชน์, จูน ภัทราดา, มิกซ์ บรมวุฒิ, บีน
ที่มา manager.co.th




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น



คลังบทความของบล็อก

วันศุกร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2555

เรื่องย่อ มณีแดนสรวง


เรื่องย่อ มณีแดนสรวง

เนื้อเรื่องย่อ
เรื่องย่อมณีแดนสรวง
รัศมิชโลธร หรือ ชิโล เป็นนางฟ้าอยู่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เธอเป็นนางฟ้ารุ่นเด็กที่ยังต้องเรียนรู้เรื่องราวต่างๆ ในโลกมนุษย์และสวรรค์อีกมาก แม้จะเป็นธิดาหัวแก้วหัวแหวนของ เทพบิดา หนึ่งในสามสิบสองเทพผู้เป็นใหญ่แห่งดาวดึงส์ แต่รัศมิชโลธรก็ต้องไปเรียนหนังสือเหมือนกับเทพบุตรและเทพนารีองค์อื่นๆ เธอมีเพื่อนสนิทเป็นเทพบุตรหนุ่มรูปงามชื่อว่า อุ้มสม
ทั้งคู่ชอบชวนกันเล่นสนุก แกล้งเทพนารี เทพบุตรองค์อื่นๆ อยู่เป็นอาจิณ จนพระอาจารย์ต่างพากันเบื่อหน่าย แต่ไม่มีใครกล้าทำอะไรรัศมิชโลธร เพราะพ่อของเธอเป็นเทพที่มีอำนาจสูง วันหนึ่งหลังจากเรียนวิชาพรหมลิขิตเสร็จเรียบร้อย รัศมิชโลธรนึกสนุก ชวนอุ้มสม-เทพบุตรผู้เป็นเพื่อนสนิท แอบเข้าไปในห้องของพระอาจารย์เพื่อดูสมุดพรหมลิขิต แอบดูเนื้อคู่ของพวกมนุษย์ด้วยความซุกซน
"อยากรู้นักว่าทำไมอาจารย์ถึงรู้ ว่าใครเป็นคู่กับใคร" รัศมิชโลธรบอกเพื่อน "ต้องมีบอกไว้ในสมุดปกหนังเล่มนั้นแน่ๆ"
สมุดเล่มนั้นวางอยู่บนโต๊ะกลางห้อง รัศมิชโลธรและอุ้มสมเหลียวซ้ายแลขวาเพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีผู้ใดเห็น จากนั้นเทพทั้งสองก็ไปเปิดสมุดดูด้วยความตื่นเต้น ในสมุดเล่มนั้นจารึกชื่อผู้คนไว้มากมาย หลายๆ ชื่อมีเส้นใยบางๆ โยงเข้าหากัน นั่นคือสมุดที่บอกให้รู้ว่าใครเป็นคู่แท้กับใครนั่นเอง รัศมิชโลธรพบด้วยความบังเอิญว่า มีหญิงชายคู่หนึ่งกำลังจะแต่งงานกัน โดยที่จริงแล้วเขาทั้งสองไม่ใช่คู่แท้กัน นางฟ้าจอมซนเลยคิดว่าไม่ควรปล่อยให้คนทั้งสองได้แต่งงานกันไป เพราะอีกไม่นานก็จะต้องหย่ากันอยู่ดี
ดังนั้นเธอเลยชวนอุ้มสมให้ลงไปล่มงานวิวาห์ของชายหญิงคู่นี้ด้วยกัน โดยรัศมิชโลธรจำแลงกายเป็นหญิงสาวสวย เข้าไปตะโกนในงานวิวาห์คัดค้านการแต่งงานระหว่างของ ร.ต.อ. ดรัณ และ สิริสุดา จนทำให้งานล่มไปในที่สุด
"แต่งไม่ได้ ฉันขอคัดค้านการแต่งงานในครั้งนี้" รัศมิชโลธรในร่างจำแลงตะโกนกลางโบสถ์ ท่ามกลางความตกตะลึงของแขกเหรื่อที่มาร่วมงาน "เพราะฉันกับเจ้าบ่าวเป็นกิ๊กกัน"
อันที่จริงดรัณและสิริสุดาไม่ควรจะได้แต่งงานกันแต่แรกแล้ว เพราะดรัณเป็นนายตำรวจแห่งกองปราบปรามคดีพิเศษ ส่วนสิริสุดานอกจากเป็นนางแบบชื่อดังแล้ว เธอยังเป็นลูกสาวของ เจ้าพ่อทองทิว อีกด้วย พ่อของสิริสุดาเป็นเศรษฐีใหญ่ มีธุรกิจบ้านจัดสรรบังหน้า แต่เบื้องหลังมีธุรกิจที่ผิดกฎหมายมากมาย
การที่ดรัณและสิริสุดาได้มาพบกัน เป็นเพราะ ผู้การดำเกิง หัวหน้าหน่วยสืบสวนพิเศษของกรมตำรวจ ต้องการล้วงความลับของนายทองทิว เพราะมีข่าวว่าเขากำลังจะส่งหญิงสาวจำนวนมากไปขายให้กับเศรษฐีทางตะวันออกกลาง ผู้การดำเกิงเลยส่งให้ชายหนุ่มมาตีสนิทกับสิริสุดา เพื่อสืบความเคลื่อนไหวของเจ้าพ่อทองทิว สืบไปสืบมากลายเป็นว่าดรัณเกิดหลงรักสิริสุดาขึ้นมาจริงๆ ถึงขั้นขอแต่งงาน
หลังจากทดสอบดรัณอยู่นานจนแน่ใจแล้วว่า ดรัณไม่ได้เปลี่ยนใจไปเข้าข้างกับนายทองทิว ผู้การดำเกิงจึงอนุญาตให้เขาแต่งงานได้ เพราะมั่นใจว่าดรัณเป็นผู้ใหญ่พอที่จะแยกแยะงานและเรื่องส่วนตัวออกจากกันได้ ส่วนเจ้าพ่อทองทิวอนุญาตให้สิริสุดาแต่งงานกับตำรวจ ทั้งๆ ที่ไม่ชอบเลยสักนิด เป็นเพราะเขาอยากให้ทุกอย่างดูแนบเนียน เขาคิดว่าถ้ามีลูกเขยเป็นตำรวจ เรื่องที่สังคมครหานินทาเรื่องผิดกฎหมายของเขาคงจะหมดไปเสียที เพราะถ้าเขาทำธุรกิจผิดกฎหมายจริงๆ ล่ะก็ คงไม่ยอมให้ลูกสาวคนเดียวแต่งงานกับตำรวจแน่ๆ
เป็นอันว่างานวิวาห์ของดรัณและสิริสุดาก็ล่มไปตามแผนของรัศมิชโลธร ท่ามกลางความสงสัยของ ร.ต.อ. สการ หรือแซมมี่ เพื่อนสนิทของเจ้าบ่าว และ เอิงเอย เพื่อนเจ้าสาว ในวันงานหลังจากรัศมิชโลธรตะโกนคำว่า "แต่งไม่ได้" เสร็จ ก็วิ่งหนีออกจากโบสถ์ไป โดยมีสการวิ่งไล่ตามไปติดๆ แต่แล้วเธอก็กลับหายตัววับไปต่อหน้าต่อตาของชายหนุ่มอย่างรวดเร็ว ไร้ร่องรอย สร้างความประหลาดใจให้กับสการยิ่งนัก
เรื่องย่อมณีแดนสรวง
สการเป็นนายตำรวจหนุ่มหล่อ ปีที่ผ่านมาเขาเคยช่วยเหลือผู้หญิงที่ถูกพ่อเลี้ยงจับไปขาย ปกป้องจนหญิงสาวผู้นั้นปลอดภัย เขาจึงได้รับการโหวตจากสภาสตรีให้เป็นแมนออฟเดอะเยียร์ ตอกย้ำความฮ็อตของเขาให้มากขึ้นไปอีก สการมีแฟนเป็นนักข่าวสาวชื่อ มัดหมี่ มัดหมี่เป็นคนจุ้นจ้าน ขี้หึง ชอบเข้ามาวุ่นวายกับสการบ่อยๆ จนทำให้หลายครั้งสการเสียงานเพราะความวุ่นวายของมัดหมี่ เมื่อเกิดเหตุการณ์กิ๊กมาถล่มงานวิวาห์ของดรัณ สามสาวคือสิริสุดา เอิงเอย และมัดหมี่ จึงรวมตัวกันเพื่อสืบหาหญิงสาวลึกลับคนนั้นให้จงได้
สการกับดรัณเป็นเพื่อนสนิทกันมานาน เขารู้ว่าก่อนมาคบกับสิริสุดา ดรัณเป็นหนุ่มหล่อจอมเจ้าชู้ มีกิ๊กเล็กกิ๊กน้อยมากมาย แต่สการไม่เคยเห็นผู้หญิงคนนี้มาก่อน เลยสงสัยว่าเธอเป็นใครมาจากไหนกันแน่ เมื่อไปดูภาพในกล้องวงจรปิด ก็พบว่าภาพงานวิวาห์ปกติมาตลอดจนกระทั่งรัศมิชโลธรมาปรากฏตัว กล้องก็สว่างวาบจนจับภาพอะไรไม่ได้ ภาพที่บรรดาแขกเหรื่อถ่ายเอาไว้ก็ไม่มีใครจับภาพของรัศมิชโลธรได้สักคนเดียว
เจ้าพ่อทองทิวโกรธมากที่ลูกสาวถูกหักหน้า จึงใช้สมุนไปจับดรัณมาซ้อมอย่างเหี้ยมโหด สิริสุดาใจแข็งไม่ยอมไปเยี่ยม เพราะเธอยังไม่หายโกรธเขาที่ฉีกหน้าหล่อนกลางงานวิวาห์
รัศมิชโลธรและอุ้มสมกลับไปยังดาวดึงส์ด้วยความรื่นเริง เพราะทำสำเร็จตามแผนการ แต่สิ่งที่เธอทำลงไปนั้นผิดกฎสวรรค์อย่างร้ายแรง เทพบิดาโกรธมากที่ลูกสาวใช้อำนาจทิพย์ไปเปลี่ยนชะตากรรมของมนุษย์ รัศมิชโลธรจึงถูกเทพบิดาลงโทษด้วยการส่งตัวลงมาเป็นมนุษย์เดินดินที่ไม่มีอำนาจวิเศษใดๆ ส่วนอุ้มสมถูกสาปลงมาเป็นนกแก้วพูดได้
เทพบิดาจะคืนความเป็นทิพย์ให้รัศมิชโลธรและอุ้มสมก็ต่อเมื่อ เทพบุตรและเทพธิดาทั้งสองหาทางทำให้ดรัณและสิริสุดากลับมาแต่งงานกันได้เหมือนเดิม จึงจะได้รับอภัยและสามารถกลับไปอยู่สวรรค์ได้อีกครั้งหนึ่ง
เทพมารดา และ รัศมิพรรณราย สงสารน้องสาวมาก จึงพยายามอ้อนวอนเทพบิดาให้ยกโทษให้รัศมิชโลธร แต่เทพบิดาไม่ตกลง เพราะสิ่งที่รัศมิชโลธรทำลงไปในครั้งนี้รุนแรงเกินกว่าจะให้อภัยได้ เธอต้องถูกลงโทษเพื่อไม่ให้เป็นตัวอย่างแก่เทพนารีและเทพบุตรองค์อื่นๆ แต่ด้วยความที่เป็นลูกรัก ไม่เคยถูกลงโทษสถานหนักเช่นนี้มาก่อน เทพบิดาเลยใจอ่อน ยอมมอบพรวิเศษสามประการให้รัศมิชโลธรสำหรับไว้ใช้ในยามคับขัน แต่มีข้อจำกัดว่าพรทั้งสามข้อ ห้ามใช้เพื่อทำให้ดรัณกลับมาคืนดีกับสิริสุดา ชายหญิงสองคนนั้นต้องกลับมาคืนดีกันด้วยความยินยอมพร้อมใจของตัวเองเท่านั้น
รัศมิชโลธรและอุ้มสมถูกส่งมายังโลกมนุษย์พร้อมกับดาวหาง ทุกอย่างอยู่ในสายตาของ อสุเรศ อสูรร้าย พร้อมด้วย อัคราสูร และ จิตราสูร ผู้เป็นบริวาร
อสุเรศกับรัศมิชโลธรเคยเป็นคู่กรณีกันมาก่อน สมัยที่รัศมิชโลธรเป็นนางฟ้า เธอเคยแอบจำแลงกายเป็นมนุษย์ลงมาเที่ยวเล่นในโลก และถูกอสุเรศซึ่งแปลงกายเป็นมนุษย์ขึ้นมาเที่ยวเล่นบนโลกลวนลามเอา เธอโกรธอสูรร้ายมากที่ไม่เจียมตัว บังอาจมายุ่งวุ่นวายกับเทพนารีไฮโซอย่างเธอ ก็เลยสำแดงอิทธิฤทธิ์กล้อนผมอสุเรศเสียจนศีรษะล้าน เป็นที่อับอายแก่อสูรทั้งหลาย อสุเรศจึงผูกใจเจ็บตั้งแต่นั้นมา เขาตั้งใจว่าจะหาโอกาสแก้แค้นรัศมิชโลธรให้ได้ในวันหนึ่ง
โอกาสนั้นมาถึงอสุเรศเร็วเกินคาด อสูรหนุ่มเห็นรัศมิชโลธรถูกสาปเป็นมนุษย์ หมดสิ้นสภาพความเป็นทิพย์ จึงวางแผนกับลูกสมุนจะจับตัวเธอไปเป็นเมียและกักขังไว้ที่พิภพอสูรให้จงได้ อสุเรศเป็นลูกชายของจอมอสูร มีนางอสูรสาวๆ เป็นเมียมากมายอยู่แล้ว เมียเอกของอสุเรศก็คือ นางราคะ นางโทสะ และ นางโมหะ สามพี่น้องผู้ร้ายกาจ
รัศมิชโลธรได้มาอยู่คอนโดหรูที่เทพบิดาเตรียมไว้ให้ เธอต้องเรียนรู้การใช้ชีวิตอย่างมนุษย์ ต้องทำกับข้าว ซักผ้า หุงหาอาหารด้วยตนเอง ไม่มีภาวะอิ่มทิพย์เหมือนแต่ก่อนอีกต่อไป อุ้มสมเองก็ต้องเรียนรู้การเป็นนกแก้วพูดได้ พร้อมกันนั้นทั้งสองก็ต้องช่วยกันหาวิธีการให้ดรัณและสิริสุดากลับมาคืนดีกันให้ได้ ช่างบังเอิญอย่างมากมาย ที่ห้องพักของรัศมิชโลธรอยู่ชั้นเดียวกับห้องพักของสการโดยที่ต่างฝ่ายต่างก็ไม่เคยรู้มาก่อน
ชโลธร หรือรัศมิชโลธร เริ่มสนิทกับ คุณนารี มารดาของสการ เพราะมีห้องอยู่ตรงข้ามกัน คุณนารีอยากมีลูกสาว พอเห็นรัศมิชโลธรก็ชอบใจ เพราะหน้าตาเหมือนกับ หนูสโรชา ลูกสาวคนแรกของเธอที่เสียขีวิตไปเพราะจมน้ำตั้งแต่ยังเป็นเด็กๆ
เรื่องย่อมณีแดนสรวง
วันหนึ่งรัศมิชโลธรและคุณนารีไปเดินซื้อของด้วยกันที่ซูเปอร์มาเก็ตใกล้บ้าน จิตราสูรซึ่งเฝ้าแอบมองรัศมิชโลธรอยู่ตลอดเวลา สบโอกาสเหมาะจึงแปลงร่างเป็นคนมาฉุดตัวรัศมิชโลธร เพื่อพาเธอไปให้เจ้านาย แต่เรื่องราวกลับโกลาหลเพราะสิริสุดาและเอิงเอยบังเอิญผ่านมาพอดี เธอจำได้ว่ารัศมิชโลธรก็คือผู้หญิงที่บุกไปล่มงานวิวาห์ของเธอ สิริสุดาและเอิงเอยจึงพยายามจะเข้าไปพูดกับรัศมิชโลธรให้รู้เรื่องว่าเธอคือใคร เป็นกิ๊กกับดรัณตั้งแต่เมื่อไหร่ และมาล่มงานวิวาห์ของสิริสุดาทำไม
จิตราสูรกำลังกระชากแขนรัศมิชโลธร พยายามจะพาตัวไปก็พอดีกับที่สิริสุดาและเอิงเอยวิ่งเข้ามาขัดจังหวะโดยไม่ได้ตั้งใจ ทั้งหมดยืนยื้อยุดฉุดกระชากกันที่กลางถนนนั่นเอง คุณนารีเห็นเหตุการณ์ไม่เข้าที ก็พยายามจะเข้ามาช่วยรัศมิชโลธร คุณนารีถูกจิตราสูรผลักจนเสียหลักล้มลงไปบนถนนที่มีรถบรรทุกวิ่งมาด้วยความเร็ว แต่แล้วก่อนที่รถบรรทุกจะวิ่งมาทับร่างของคุณนารีจนแหลกเหลวนั้น รัศมิชโลธรตัดสินใจใช้พรข้อแรกช่วยเหลือคุณนารีจนปลอดภัย
จิตราสูรบาดเจ็บกลับไปพิภพอสูร ทำให้อสุเรศแค้นรัศมิชโลธรกว่าเก่า เขาสั่งให้สมุนทุกคนลงมือด้วยความรอบคอบ เพราะรัศมิชโลธรยังมีของดีคุ้มครองกายอยู่ ส่วนสิริสุดาและเอิงเอยกลับไปด้วยความงงๆ เพราะอำนาจของเวทมนตร์ทำให้สองสาวลืมว่าเกิดอะไรขึ้น และพวกเธอมายืนอยู่กลางถนนได้อย่างไร
รัศมิพรรณรายรู้เรื่องที่อสูรร้ายจะมาจับตัวน้องสาวก็เลยร้อนใจ แอบเทพบิดาลงมาหาน้องที่คอนโด เธอนำสร้อยที่ทำมาจากแก้วสัตตพิธรัตนะจากดาวดึงส์ลงมาให้รัศมิชโลธรสวมติดกายเอาไว้ อำนาจของแก้วมณีจะทำให้อสูรร้ายไม่กล้าเข้าใกล้รัศมิชโลธร ก่อนจะกลับสวรรค์รัศมิพรรณรายยังขีดเส้นทิพย์ล้อมรอบห้องพักของน้องสาวเอาไว้ เส้นทิพย์นี้มีอำนาจสูง อสูรร้ายไม่สามารถก้าวข้ามเข้ามาได้ ตราบใดที่รัศมิชโลธรอยู่ภายในห้อง อสูรร้ายจะไม่สามารถทำอันตรายเธอได้เลย
หลังจากคุณนารีบาดเจ็บ สการและดรัณจึงได้รู้ความจริงว่า เพื่อนบ้านคนสวย ใจดี แสนน่ารักที่คุณนารีพูดถึงบ่อยๆ ที่จริงแล้วก็คือสาวน้อยสิบแปดมงกุฎ คนเดียวกับที่ไปล่มงานวิวาห์ของ ดรัณนั่นเอง สการคิดว่าถ้าไม่ใช่พวกสิบแปดมงกุฎชอบหลอกเงินผู้ชาย รัศมิชโลธรก็อาจจะเป็นเพียงเด็กสาวใจแตก เป็นเมียน้อยเสี่ย ไม่อย่างงั้นเธอไม่น่ามีเงินซื้อคอนโดหรูหราอยู่ได้แน่ๆ เขาพยายามสอบถาม หากรัศมิชโลธรไม่รู้จะสารภาพว่าอย่างไร สการไปที่สำนักงานคอนโดก็พบว่าบัตรประชาชนของรัศมิชโลธรเป็นบัตรประชาชนปลอม ในบัตรประชาชนเธอใช้ชื่อว่า "น.ส. ชโลธร ณ แดนสรวง"
เรื่องย่อมณีแดนสรวง
"ณ แดนสรวง" สการทำหน้าเหรอหรา เพราะไม่เคยได้ยินนามสกุลนี้มาก่อน เธอให้ ตรีชฎา เลขาร่างอ้วนลองค้นหาในฐานข้อมูลประชากรก็ไม่พบชื่อและนามสกุลนี้
"คนเถื่อนแน่ๆ" ตรีชฎาจีบปากจีบคอ
"อาจจะเป็นเจ้ามาจากทางเหนือ พวกเชียงตุง ไทใหญ่ หนีเข้าเมืองมาก็ได้นะ นามสกุลถึงไม่มีในระบบประชากรของบ้านเรา แถมฟังดูแปลกแบบนี้" สการว่า
"เป็นไปได้ว่ะแซมมี่" ดรัณเห็นด้วยกับเพื่อน "มิน่าล่ะ ผิวของเธอถึงขาวผ่อง สวยยังกับทองทา"
สการพยายามคาดคั้นเอาความจริงกับรัศมิชโลธรว่าเธอคือใครกันแน่ รัศมิชโลธรจึงตัดสินใจสารภาพความจริงให้สการฟังว่า เธอไม่ใช่สิบแปดมงกุฎ ไม่ใช่เจ้าไทใหญ่หนีเข้าเมืองมา แต่เป็นนางฟ้ามาจากดาวดึงส์ต่างหาก และที่เธอลงมาล่มวิวาห์ของดรัณ เพราะเห็นจากสมุดเนื้อคู่ว่าเขากับสิริสุดาไม่ใช่เนื้อคู่กัน เธอหวังว่าสการจะยอมเชื่อแล้วยอมช่วยเธอ ทำให้ดรัณกับสิริสุดากลับมาคืนดีกัน เธอและอุ้มสมจะได้กลับสวรรค์เสียที แต่รัศมิชโลธรคิดผิด เพราะนอกจากสการไม่เชื่อแล้ว เขายังคิดว่าเธอเพี้ยนไปอีกต่างหาก ตั้งแต่นั้นมาสการและรัศมิชโลธรก็ทำตัวเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาโดยตลอด
มีเพียงคุณนารีเท่านั้นที่เชื่อรัศมิชโลธร วันหนึ่งที่สการออกไปทำงาน เธอกับรัศมิชโลธรตัดสินใจไปหาสิริสุดา เพื่อพูดให้เธอผู้นั้นเข้าใจ รัศมิชโลธรเชื่อว่า หากสิริสุดาเข้าใจว่าเธอกับดรัณไม่มีอะไรกัน สิริสุดาก็จะยอมกลับไปแต่งงานกับดรัณ และเธอกับอุ้มสมก็จะได้กลับสวรรค์เสียที แต่แล้วเรื่องราวก็กลับยุ่งเหยิงเกินคาด เพราะอัคราสูรสมุนของอสุเรศเฝ้าสะกดรอยตามรัศมิชโลธรมาโดยตลอด มันปลอมตัวเป็นลุงคนขับแท็กซี่รับคุณนารี อุ้มสม และรัศมิชโลธรขึ้นรถไป
แต่แทนที่จะขับตรงไปตามทางที่คุณนารีบอก มันกลับพุ่งพารัศมิชโลธรลงไปยังพิภพอสูรที่อยู่ต่ำจากโลกมนุษย์ลงไป รัศมิชโลธรเห็นผิดท่า จึงพยายามต่อสู้กับอัคราสูร อัคราสูรไม่สามารถแตะต้องตัวรัศมิชโลธรได้ เพราะเธอมีสร้อยสัตตพิธรัตนะคุ้มครองกายอยู่ มันจึงจับตัวอุ้มสมไปแทน อัคราสูรสั่งให้รัศมิชโลธรถอดสร้อย ไม่เช่นนั้นมันจะฆ่าอุ้มสมเสีย แต่อุ้มสมยอมตาย ไม่ยอมให้รัศมิชโลธรถอดสร้อย แล้วในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานนั่นเอง รัศมิชโลธรก็ตัดสินใจใช้พรวิเศษข้อที่สองช่วยชีวิตของอุ้มสมเอาไว้ได้ อัคราสูรบาดเจ็บกลับไปยังพิภพอสูร ขณะที่คุณนารีได้เห็นกับตาว่ารัศมิชโลธรคือเทพนารีจริงๆ
เรื่องย่อมณีแดนสรวง
ขอบคุณภาพประกอบจาก : บริษัท บรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น จำกัด
ทั้งหมด 2 หน้า : 1 | 2  >